หลัก 10 ประการเพื่อการเปลี่ยนแปลงโลกของท่านมหาตมะคานธี
1. เปลี่ยนแปลงตนเอง
"เธอต้องเป็นความเปลี่ยนแปลงที่เธอต้องการเห็นในโลก"
"ในฐานะมนุษยชาติ ความยิ่งใหญ่ของเราไม่ได้อยู่ที่การทำให้โลกเป็นแบบใหม่ ซึ่งเป็นตำนานสำหรับยุคปรมาณู แต่อยู่ที่ความสามารถในการปรับเปลี่ยนตัวเราเอง"
ถ้าคุณเปลี่ยนแปลงตัวเองคุณจะเปลี่ยนโลกของคุณเอง ถ้าคุณเปลี่ยนวิธีคิด คุณก็จะเปลี่ยนความรู้สึกและการกระทำของคุณเอง แล้วโลกรอบตัวคุณก็จะเปลี่ยน ไม่เพียงเพราะคุณมองสิ่งแวดล้อมรอบตัวด้วยแนวคิดและความรู้สึกใหม่ แต่การเปลี่ยนแปลงจากภายในยังทำให้คุณลงมือทำในสิ่งที่คุณคงทำไม่ได้หรือไม่มีทางจะคิดได้ด้วยซ้ำ หากยังคงติดอยู่กับแนวคิดแบบเดิม
ปัญหาของการเปลี่ยนแปลงโลกภายนอกของคุณโดยไม่ปรับเปลี่ยนตัวเองก็คือ คุณจะยังคงเป็นตัวเองเมื่อได้สิ่งที่โหยหาแล้ว คุณยังคงมีข้อบกพร่อง โทสะ โมหะ และสิ่งอื่นๆที่บั่นทอนตัวเองอยู่กับตัวอย่างครบถ้วน
ดังนั้นในสภาวะใหม่นี้ คุณก็จะยังคงไม่พบสิ่งที่คาดหวัง เพราะจิตใจคุณยังคงยึดติดอยู่กับเรื่องในทางลบ แล้วหากคุณยิ่งได้สิ่งที่ต้องการมากขึ้น โดยไม่ได้ตระหนักถึงภายในตนเอง ระยะห่างจากอัตตาก็จะยิ่งมีพลังมากขึ้น เพราะอัตตาของคุณมักจะชอบแบ่งแยกสิ่งต่างๆ ชอบที่จะหาศัตรู และสร้างความแปลกแยก ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างปัญหาและข้อขัดแย้งในชีวิตของคุณและโลกมากยิ่งขึ้น
2. คุณคือผู้ควบคุม
"ไม่มีใครมาทำร้ายเราได้หากเราไม่ยินยอม"
ความรู้สึกและการตอบสนองต่อสิ่งต่างๆนั้นขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง อาจจะมีวิธีปกติธรรมดาในการตอบสนองสิ่งต่างๆซึ่งก็เท่านั้นเอง คุณเลือกความคิด การกระทำและความรู้สึกได้เองสำหรับแทบทุกอย่าง คุณไม่จำเป็นต้องกลัว กราดเกรี้ยวหรือตอบสนองในทางลบทุกครั้งหรือในทันที บางครั้งปฏิกิริยาทันควันนั้นก็หายไปเองได้หรือนิสัยดั้งเดิมจะทำงาน คุณคงตระหนักได้ว่าไม่มีใครนอกจากตัวคุณเองที่จะมาควบคุมความรู้สึกของคุณได้ คุณสามารถจะฝึกคิดแบบนี้ในชีวิตประจำวันแล้วพัฒนาให้เป็นนิสัย ซึ่งจะเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป ทำเช่นนี้แล้วจะทำให้ชีวิตง่ายดายและรื่นรมย์ขึ้นมาก
3. ให้อภัยและปล่อยวาง
"ผู้อ่อนแอไม่เคยให้อภัย การให้อภัยเป็นคุณสมบัติของผู้ที่เข้มแข็ง"
"ตาต่อตา มีแต่จะส่งผลให้โลกทั้งโลกมืดบอดเท่านั้น"
การต่อสู้กับความชั่วร้ายด้วยความร้ายกาจไม่ช่วยใครเลย เช่นเดียวกับในหัวข้อที่แล้ว คุณคือผู้เลือกการตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ เมื่อคุณสามารถฝึกฝนวิธีคิดนั้นได้มากขึ้นๆในชีวิต คุณก็จะตอบสนองด้วยวิธีการที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น คุณตระหนักว่าการให้อภัยและไม่ยึดติดกับอดีตจะให้ผลดีต่อตัวเองและผู้คนในโลกของคุณ และการใช้เวลากับความทรงจำทางลบไม่ได้ช่วยอะไรคุณเลยในการเรียนรู้จากประสบการณ์นั้น คุณอาจจะทำให้ตัวเองทุกข์ทรมานยิ่งขึ้นและขาดการตอบสนองในภาวะปัจจุบัน
ถ้าคุณไม่ให้อภัย นั่นคือคุณปล่อยให้อดีตและผู้อื่นควบคุมความรู้สึกของคุณเอง เมื่อคุณให้อภัยจะเป็นการปลดปล่อยพันธะเหล่านั้นจากตัวคุณ จะทำให้คุณสามารถเพ่งความสนใจไปกับการก้าวไปข้างหน้าได้อย่างเต็มที่
4. หากไม่ลงมือทำก็ไม่เกิดอะไรขึ้น
“การลงมือฝึกฝนเพียงน้อยนิด มีค่าหนักหนากว่าการท่องบ่นมากมาย”
หากไม่ลงมือปฏิบัติ ก็จะไม่เห็นผลอะไร หากแต่การลงมือกระทำอาจจะยากลำบาก จะมีแรงต้านมากมายจากภายใน จึงทำให้คุณชอบที่จะพูดหรืออ่านและศึกษาไม่รู้จบมากกว่า ดังที่ท่านคานธีกล่าวไว้ แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองก้าวไปข้างหน้า แต่มีผลงานออกมาในชีวิตจริงน้อยมากหรือไม่มีเลย
ดังนั้น เพื่อให้ไปถึงที่ที่คุณคาดหวังและเพื่อให้เข้าใจตนเองและโลกอย่างแท้จริง คุณต้องลงมือทำ หนังสือให้ได้แต่ความรู้ คุณต้องลงมือปฏิบัติและแปลงความรู้นั้นให้เกิดผลและความรู้แจ้ง
5. เอาใจใส่กับปัจจุบัน
“ฉันไม่ต้องการเห็นอนาคต ฉันสนใจการดูแลปัจจุบัน พระเจ้าไม่ได้ให้อำนาจฉันในการควบคุมเวลาถัดๆไป”
ฉันพบว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จะเอาชนะแรงต้านภายในที่คอยยับยั้งไม่ให้เราลงมือทำสิ่งใด ก็คือการจดจ่อรับรู้กับปัจจุบันให้มากที่สุด
เหตุผลนั่นหรือ เมื่อคุณอยู่กับปัจจุบัน คุณก็จะไม่ต้องกังวลกับเวลาถัดไปซึ่งยังไงคุณก็ควบคุมไม่ได้อยู่ดี แล้วแรงต้านที่ยับยั้งการลงมือทำของเราที่มาจากการจินตนาการถึงผลลบที่จะตามมา หรืออดีตที่ล้มเหลวก็จะลดกำลังลง จึงทำให้ง่ายขึ้นทั้งต่อการลงมือทำจริงและทำให้เราเอาใจใส่กับปัจจุบันและทำอะไรๆได้ดีขึ้น
6. ทุกคนคือมนุษย์ธรรมดา
“ฉันประกาศตัวว่าเป็นคนธรรมดาที่ทำผิดได้เหมือนคนอื่นๆ แต่ฉันยอมรับด้วยว่าฉันมีความอ่อนน้อมเพียงพอที่จะยอมรับความผิดที่ฉันทำและทบทวนสิ่งที่ทำไป”
“เป็นการไม่ฉลาดเลยที่จะเชื่อมั่นในปัญญาของตนจนเกินไป เราสมควรจะจำไว้ว่าคนที่แข็งแรงที่สุดก็ถูกล้มได้และคนที่ฉลาดที่สุดก็ทำผิดได้”
เมื่อคุณเริ่มจะหาตำนานจากผู้คน แม้ในรายที่เขาทำอะไรได้อย่างน่าอัศจรรย์ คุณเสี่ยงที่จะเริ่มแยกห่างจากพวกเขา แล้วเริ่มจะคิดว่าไม่สามารถจะประสบความสำเร็จแบบนั้นได้เพราะพวกเขาช่างแตกต่างเหลือเกิน ดังนั้นสิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือทุกคนเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาไม่ว่าเขาจะเป็นใคร
และฉันคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องจำไว้ว่าเราทุกคนเป็นมนุษย์ธรรมดาที่มักจะทำอะไรผิด การตั้งมาตรฐานให้ผู้คนอย่างไม่สมเหตุสมผลมีแต่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งโดยไม่จำเป็นให้แก่โลกและสร้างความมีอคติภายในตัวตนของคุณ
และเป็นความสำคัญที่ต้องจำเรื่องนี้ไว้ให้ขึ้นใจ เพื่อหลีกเลี่ยงการตกหลุมของนิสัยที่ไร้ประโยชน์ของการทับถมตัวเองเมื่อทำอะไรผิดพลาด และเป็นการทำให้คุณสามารถมองเห็นได้แจ่มชัดเมื่อทำผิดพลาดและสามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้นเพื่อจะพยายามใหม่อีกครั้ง
7. ตั้งมั่นหยัดยืน
“เริ่มแรกพวกเขาจะไม่สนใจ แล้วต่อมาก็หัวเราะใส่ จากนั้นก็จะต่อสู้กับคุณ แล้วคุณจะเป็นผู้ชนะ”
ต้องตั้งมั่นจริงจัง ไม่นานคู่ต่อสู้รอบๆตัวคุณก็จะล้มหายตายจากไป แรงต้านภายในและแนวโน้มที่จะบ่อนทำลายตัวเองของคุณซึ่งคอยกีดกันไม่ให้ลงมือทำอะไรแบบเดิมๆที่คุณเคยเป็นก็จะอ่อนกำลังลง
เฟ้นหาสิ่งที่คุณชอบทำ แล้วคุณจะพบแรงกระตุ้นภายในให้ลงมือทำต่อไปไม่หยุดยั้ง
เหตุผลหนึ่งที่ท่านมหาตมะคานธีประสบความสำเร็จอย่างยิ่งกับวิธีอหิงสา ก็คือท่านและผู้ติดตามต่างยืนหยัดจริงจัง ไม่เคยยอมแพ้
ความสำเร็จและชัยชนะมักจะไม่มาถึงเร็วอย่างที่คุณต้องการ ฉันคิดว่าเหตุหนึ่งที่ผู้คนไม่ได้สิ่งที่ต้องการนั้นเป็นเพียงเพราะเขายอมแพ้เร็วเกินไป พวกเขาคิดว่าเวลาสำหรับความสำเร็จมักไม่เท่ากับเวลาที่ใช้เพื่อไปให้ถึงจุดหมาย ความเชื่อที่ไม่ถูกต้องนี้ส่วนหนึ่งมาจากโลกที่เราอยู่นี่เอง โลกที่เต็มไปด้วยยาเม็ดแก้ปัญหาอภินิหารที่โฆษณาอย่างต่อเนื่องว่าเราจะลดน้ำหนักได้อย่างมากมาย หรือจะหาเงินได้มหาศาลในเวลาเพียง 30 วัน
8. มองเห็นความดีในผู้คนและให้ความช่วยเหลือ
“ฉันมองหาแต่สิ่งดีๆในผู้คน เมื่อตัวฉันเองยังคงปราศจากการทำผิดไม่ได้ ฉันก็จะไม่ไปสำรวจตรวจสอบความผิดของผู้อื่น”
“มนุษย์จะยิ่งใหญ่ได้เทียบเท่ากับที่เขาทำอะไรเพื่อเพื่อนมนุษย์”
“ฉันคิดว่าครั้งหนึ่งผู้นำหมายถึงผู้ที่กำยำล่ำสัน แต่ทุกวันนี้หมายถึงความสามารถในการเข้ากับผู้อื่นได้ดี”มีอะไรดีๆและก็มีสิ่งที่ไม่ดีนักในผู้คนเสมอ แต่คุณเลือกได้ที่จะใส่ใจกับสิ่งไหน ถ้าคุณต้องการพัฒนา การสนใจแต่สิ่งดีๆในผู้อื่นเป็นทางเลือกที่ดี ทั้งยังทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นเพราะโลกและความสัมพันธ์ของคุณจะรื่นรมย์และสวยงาม
และเมื่อคุณมองเห็นสิ่งดีในผู้อื่น ก็จะง่ายขึ้นที่จะเกิดแรงบันดาลใจให้คุณช่วยเหลือพวกเขา และการที่คุณทำอะไรเพื่อผู้อื่น ให้คุณค่าคนอื่น คุณไม่เพียงทำให้ชีวิตพวกเขาดีขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปคุณมักจะได้สิ่งที่คุณให้กลับมาด้วย และคนที่คุณช่วยเหลือเขาก็จะอยากช่วยเหลือคนอื่น ซึ่งทำให้พวกคุณช่วยกันสร้างเกลียวคลื่นความเปลี่ยนแปลงที่ดีงามให้เพิ่มขึ้นอย่างเข้มแข็ง
ด้วยการเพิ่มความเข้มแข็งของทักษะทางสังคมของคุณ คุณจะเป็นคนที่ทรงอิทธิพลและทำให้เกลียวแห่งความดีงามนี้ยิ่งเข้มแข็งขึ้น
9. จงมีความพอเหมาะพอดี เชื่อถือได้และเป็นตัวตนจริงๆของตนเอง
“ความสุขคือ เมื่อคุณคิด พูด และทำอย่างสอดคล้องกัน”
“จงตั้งเป้าหมายที่ความกลมกลืนอย่างสมบูรณ์ของความคิด คำพูดและการกระทำ และตั้งเป้าที่จะทำให้ความคิดของคุณบริสุทธิ์สะอาดแล้วทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี”
ฉันคิดว่าคำแนะนำที่ดีที่สุดในการพัฒนาทักษะทางสังคมของคุณคือการกระทำสิ่งใดๆอย่างพอเหมาะและสื่อสารอย่างน่าเชื่อถือซึ่งผู้คนมักจะชอบเช่นนั้น และเมื่อคุณคิด พูดและทำอย่างสอดคล้องกันจะพบความรื่นรมย์จากภายในมากมาย คุณจะรู้สึกถึงพลังและสิ่งดีๆในตนเอง
เมื่อคำพูดและความคิดเป็นไปอย่างสอดคล้องกันก็จะแสดงออกมาทางการสื่อสารของคุณ เพราะในขณะที่คุณมีแนวทางและภาษากายที่สอดคล้องกัน ซึ่งนั่นคือกว่า 90 เปอร์เซนต์ของการสื่อสารที่สื่อออกไป ก็จะสอดคล้องกับคำพูดของคุณ
เมื่อช่องทางทั้งหลายนี้สอดคล้องกัน ผู้คนมีแนวโน้มที่จะฟังคุณอย่างจริงจังเมื่อคุณพูด คุณกำลังสื่อสารอย่างไม่มีความเคลือบแคลง ไม่สับสน ไม่มีการเสแสร้ง
และหากการกระทำของคุณไม่สอดคล้องกับสิ่งที่คุณกำลังสื่อสาร คุณจะเริ่มทำร้ายความเชื่อมั่นตัวเองในสิ่งที่คุณทำได้และทำร้ายผู้ที่เชื่อมั่นในตัวคุณไปด้วย
10. เจริญเติบโตและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
“การพัฒนาอย่างสม่ำเสมอเป็นกฎแห่งชีวิต ผู้ที่พยายามรักษาหลักเกณฑ์ของตัวเองเพื่อให้ดูเหมือนเดิมอย่างคงที่นั้น ผลักดันตนเองไปสู่ทางที่ผิด”
คุณสามารถจะพัฒนาความสามารถ, นิสัยของตัวเองหรือคอยประเมินตนเองได้เสมอ ซึ่งจะทำให้คุณเข้าใจตนเองและเข้าใจโลกได้อย่างลึกซึ้งขึ้น
แน่ละที่คุณอาจดูไม่สม่ำเสมอหรือไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่บ้างเป็นครั้งคราว คุณอาจมีปัญหาในการกระทำอย่างพอเหมาะหรือในการสื่อสารอย่างจริงใจ แต่ถ้าคุณไม่เคยเป็นเช่นนี้ ท่านมหาตมะคานธีบอกไว้ว่า คุณผลักดันตนเองไปในทางที่ผิด ที่ซึ่งคุณพยายามจะยึดมั่นถือมั่นในภาพพจน์เดิมในขณะที่คุณเองตระหนักว่ากำลังมีอะไรไม่ถูกต้องอยู่ ซึ่งไม่ใช่จุดที่น่าอยู่เลย การเจริญเติบโตและพัฒนาจึงเป็นเส้นทางที่ให้ความสุขและมีประโยชน์กว่าในการเลือกใช้ชีวิต
“การพัฒนาอย่างสม่ำเสมอเป็นกฎแห่งชีวิต ผู้ที่พยายามรักษาหลักเกณฑ์ของตัวเองเพื่อให้ดูเหมือนเดิมอย่างคงที่นั้น ผลักดันตนเองไปสู่ทางที่ผิด”
คุณสามารถจะพัฒนาความสามารถ, นิสัยของตัวเองหรือคอยประเมินตนเองได้เสมอ ซึ่งจะทำให้คุณเข้าใจตนเองและเข้าใจโลกได้อย่างลึกซึ้งขึ้น
แน่ละที่คุณอาจดูไม่สม่ำเสมอหรือไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่บ้างเป็นครั้งคราว คุณอาจมีปัญหาในการกระทำอย่างพอเหมาะหรือในการสื่อสารอย่างจริงใจ แต่ถ้าคุณไม่เคยเป็นเช่นนี้ ท่านมหาตมะคานธีบอกไว้ว่า คุณผลักดันตนเองไปในทางที่ผิด ที่ซึ่งคุณพยายามจะยึดมั่นถือมั่นในภาพพจน์เดิมในขณะที่คุณเองตระหนักว่ากำลังมีอะไรไม่ถูกต้องอยู่ ซึ่งไม่ใช่จุดที่น่าอยู่เลย การเจริญเติบโตและพัฒนาจึงเป็นเส้นทางที่ให้ความสุขและมีประโยชน์กว่าในการเลือกใช้ชีวิต
“The difference between what we do and what we are capable of doing would suffice to solve most of the world’s problem.”
"ความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เราลงมือทำกับสิ่งที่เราสามารถจะทำได้นั้น เพียงพอที่จะแก้ไขปัญหาส่วนใหญ่ของโลกเราได้"
“If I had no sense of humor, I would long ago have committed suicide.”
"ถ้าฉันขาดความมีอารมณ์ขัน ฉันคงฆ่าตัวตายไปเสียนานแล้ว"
MyAragon เส้นทางสู่อิสระภาพทางการเงินและเวลา
MyAragon ธุรกิจที่รวม3เทรนด์แห่งโลกอนาคตเป็นหนึ่งเดียว
โทร.089-071-8889 คุณ อานนท์
LINE ID : jumbolife
วีว่าพลัส VIVA plus น้ำองุ่นสกัดเข้มข้น
ค่าต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุดในโลก
ค่าORAC SCORE 244,050 หน่วย
รับรองโดยสถาบันBRUNSWICK
ที่โด่งดังจากคลิป โดม กินวิตามิน