วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ไขมันทำเซ็กส์หด




ไขมันทำเซ็กส์หด

หลายคนชอบกินอาหารที่มีไขมันสูง
 โดยเฉพาะไขมันไตรกลีเซอไรด์ที่พบได้ในของทอดและอาหารประเภทแป้ง แต่การกินของมัน ๆ นอกจากจะเสี่ยงกับโรคร้ายสารพัด เช่น โรคหลอดเลือดแข็งตัว โรคอ้วน และโรคเบาหวาน ไขมันยังเป็นตัวการทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลงอีกด้วย

ไขมันไตรกลีเซอไรด์พบมากในอาหาร
ประเภทแป้ง คุณรู้หรือไม่ว่าในข้าวเหนียวมีไขมันประเภทนี้อยู่ในปริมาณมาก ส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทเบียร์และเหล้าก็มีไขมันไตรกลีเซอไรด์ในปริมาณมากเช่นกัน สิงห์นักดื่มนอกจากจะเสี่ยงกับการเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ หรือโรคเบาหวานแล้ว พฤติกรรมเมาแบบหัวราน้ำยังส่งผลให้เจ้าหนูไม่สู้อีกด้วย

วิธีเบื้องต้นในการสังเกตตัวเอง
ว่ามีปริมาณไขมันสูงหรือไม่ ให้ลองดูที่รอบนัยน์ตาบริเวณผิว
หนังที่หัวตาว่ามีไขมันเป็นกระจุกสีเหลืองติดอยู่หรือเปล่า กระจุกไขมันสีเหลืองนี้เรียกว่า แซนโทม่า หากไม่พบบริเวณผิวหนังที่หัวตา แซนโทม่าก็อาจไปโผล่อยู่ตรงข้อเท้า ข้อเข่า หรือหลังเอ็นร้อยหวาย

หนุ่มที่โหมทำงานหนักโดยละเลยกา
ดูแลสุขภาพ พึงสังวรไว้หน่อยก็ดีว่า การตรวจเลือดเพื่อตรวจเช็กปริมาไขมันเป็นสิ่งจำเป็น อย่าคิดว่าผู้สูงอายุเท่านั้นที่ต้องเข้าโรงหมอเพื่อตรวจเลือด หากพบว่าไขมันในเลือดอยู่ในเกณฑ์สูงผิดปกติ ก็ควรหันมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง งดเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แบ่งเวลางานมาออกกำลังกายเสียบ้าง พอปฏิบัติได้ตามนี้แล้วปริมาณไขมันในเลือดก็จะลดลง เจ้าหนูที่เคยอ่อนเปลี้ยเพลียแรงก็จะกลับมาฟิตปั๋งได้อีกครั้ง









TONE-PM กระชับสัดส่วน ลดไขมันส่วนเกิน ลดไขมันหน้าท้อง เอว สะโพก ต้นขา
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมFoodMatrix จาก อเมริกา

รายละเอียดเพิ่มเติม คลิ๊ก!!!
หรือโทร 089-071-8889






ลดกระชับสัดส่วนดีที่สุดในโลกบันทึกลงกินเนสบุ๊ค
รายละเอียดเพิ่มโติม คลิ๊ก!!! 
หรือโทร 089-071-8889 





วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2555

โรคกรดไหลย้อน ภัยร้ายสำหรับคนยุคใหม่



โรคกรดไหลย้อน ภัยร้ายสำหรับคนยุคใหม่

โรคกรดไหลย้อน หมายถึงภาวะที่กรดในกระเพาะไหลย้อนมาในหลอดอาหาร ทำให้เกิดการอักเสบของหลอดอาหาร ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บหน้าอก
...อาการของกรดไหลย้อน...
อาการทางหลอดอาหาร
• อาการปวดเสบร้อนบริเวณหน้าอก และลิ้มปี่ที่เรียกว่าร้อนใน (heart burn) บางครั้งอาจจะร้าวไปที่คอได
• รู้สึกมีก้อนอยู่ในคอ
• กลืนลำบาก หรือกลืนแล้วเจ็บ
• เจ็บคอหรือแสบลิ้นเรื้อรัง โดยเฉพาะในตอนเช้า
• รู้สึกเหมือนมีรสขมของน้ำดี หรือมีรสเปรี้ยวของกรดในคอหรือปาก
• มีเสมหะอยู่ในคอ หรือระคอตลอดเวลา
• เรอบ่อย คลื่นไส้
• รู้สึกจุกแน่นอยู่ในหน้าอก คล้ายอาหารไม่ย่อย
อาการทางกล่องเสียง และปอด
• เสียงแหบเรื้อรัง หรือแหบเฉพาะตอนเช้าหรือมีเสียงผิดปกติจากเดิม
• ไอเรื้อรัง
• ไอ หรือ รู้สึกสำลักในเวลากลางคืน
• กระแอมไอบ่อย
• อาการหอบหืดแย่ลง
• เจ็บหน้าอก
• เป็นโรคปอดอักเสบเป็นๆหายๆ


แนะนำการรักษากรดไหลย้อน



1. ปรับเปลี่ยนนิสัย และการดำเนินชีวิตประจำวัน การรักษาวิธีนี้มีความสำคัญมากโดยจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการน้อยลง ป้องกันไม่ให้เกิดอาการ และเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย โดยลดปริมาณกรดในกระเพาะอาหาร และป้องกันไม่ให้กรดไหลย้อนกลับขึ้นไปในระบบทางเดินอาหารและทางเดินหายใจ ส่วนบนมากขึ้น ที่สำคัญการรักษาด้วยวิธีนี้ควรทำอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต แม้ว่าผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นหรือหายดีแล้วโดยไม่ต้องรับประทานยาแล้วก็ตาม
2. นิสัยส่วนตัว
ถ้าเป็นไปได้ ควรพยายามลดน้ำหนัก ถ้าน้ำหนักเกิน เนื่องจากภาวะน้ำหนักเกินจะทำให้ความดันในช่องท้องมากขึ้น ทำให้กรดไหลย้อนได้มากขึ้น พยายามหลีกเลี่ยงอย่าให้เครียด และถ้าสูบบุหรี่อยู่ ควรเลิก เพราะความเครียดและการสูบบุหรี่ทำให้เกิดการหลั่งกรดมากขึ้น ถ้าไม่เคยสูบบุหรี่ ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ หรือควันบุหรี่ หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าที่คับเกินไป โดยเฉพาะบริเวณรอบเอว
3.นิสัยในการรับประทาน
- หลังจากรับประทานอาหารทันที พยายามหลีกเลี่ยงการนอนราบ การออกกำลัง ยกของหนัก เอี้ยวหรือก้มตัว
-หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารมื้อดึก และไม่ควรรับประทานอาหารใด ๆ อย่างน้อยภายในระยะเวลา 3 ชั่วโมงก่อนนอน
- พยายามรับประทานอาหารที่มีขมันต่ำ และพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่ปรุงด้วยการทอด อาหารมัน พืชผักบางชนิด เช่น หัวหอม กระเทียม มะเขือเทศ ฟาสต์ฟูด ช็อกโกแลต ถั่ว ลูกอม สะระแหน่ เนย ไข่ นม หรืออาหารที่มีรสจัด เช่น เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด เค็มจัด หวานจัด เป็นต้น
- รับประทานอาหารปริมาณพอดีในแต่ละมื้อ ไม่ควรรับประทานอาหารมากเกินไป ควรรับประทานอาหารปริมาณทีละน้อย ๆ แต่บ่อยครั้ง
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มบางประเภท เช่น กาแฟ (แม้จะเป็นกาแฟที่ไม่มีกาเฟอีนก็ตาม) ชา น้ำอัดลม เครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ เช่น เบียร์ วิสกี้ ไวน์ โดยเฉพาะในตอนเย็น
4.นิสัยในการนอน
ถ้าจะนอนหลังรับประทานอาหาร ควรรอประมาณ 3-4 ชั่วโมง เวลานอน ควรหนุนหัวเตียงให้สูงขึ้นประมาณ 6 - 10 นิ้วจากพื้นราบ โดยใช้วัสดุรองขาเตียง เช่น ไม้ อิฐ อย่ายกศีรษะให้สูงขึ้นโดยการใช้หมอนรองศีรษะ เพราะจะทำให้ความดันในช่องท้องเพิ่มมากขึ้น