วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เคล็ดลับความสำเร็จ( ว.วชิรเมธี)


เคล็ดลับความสำเร็จ( ว.วชิรเมธี)



เคล็ดลับความสำเร็จ( ว.วชิรเมธี)
ลองมือทำในสิ่งที่เรารัก ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้
แต่ที่ทำไม่ได้เพราะไม่ได้ทำหรือเปล่า??





ธุรกิจ อารากอนเวิลด์54
ช่องทางสู่อิสระภาพทางการเงินและเวลา
ที่ทันสมัยที่สุด!!! ในเวลานี้...
เน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้ง ที่รวม3เทรนด์แห่งศตวรรษ เป็นหนึ่งเดียว..คลิ๊ก!!!

วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ดร.ดนัย เทียนพุฒ ในคิดใหม่ของ Kotler

Check out this SlideShare Presentation:
ดร.ดนัย เทียนพุฒ ในคิดใหม่ของ Kotler


ธุรกิจ อารากอนเวิลด์54
ช่องทางสู่อิสระภาพทางการเงินและเวลา
ที่ทันสมัยที่สุด!!! ในเวลานี้...
เน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้ง ที่รวม3เทรนด์แห่งศตวรรษ เป็นหนึ่งเดียว..คลิ๊ก!!!




วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เพลง คืนอันเป็นนิรันดร์

เพลง คืนอันเป็นนิรันดร์
คืนอันเป็นนิรันดร์ by dhammaintrend





VIVA plus (วีว่า พลัส) น้ำองุ่นสกัดเข้มข้น คุณค่าดื่ม 1 ออนซ์=ไวน์แดง 15 ขวด ค่าการต้านอนุมูลอิสระ orac score สูงที่สุดในโลก 244,050 รับรองโดย แล็บ Brunswick หน่วยงานในสังกัดของ คณะแพทย์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด โด่งดังจากคลิป โดมกินวิตามิน ในyoutube
www.VIVApluslife.blogspot.com



เพลง รู้แล้วปล่อยวาง

เพลง รู้แล้วปล่อยวาง
วางไม่ลง ปลงไม่ได้ จะตายทั้งเป็น ปล่อย(ก็)ว่าง วาง(ก็)เบา


รู้แล้วปล่อยวาง by dhammaintrend







VIVA plus (วีว่า พลัส) น้ำองุ่นสกัดเข้มข้น คุณค่าดื่ม 1 ออนซ์=ไวน์แดง 15 ขวด ค่าการต้านอนุมูลอิสระ orac score สูงที่สุดในโลก 244,050 รับรองโดย แล็บ Brunswick หน่วยงานในสังกัดของ คณะแพทย์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด โด่งดังจากคลิป โดมกินวิตามิน ในyoutube
www.VIVApluslife.blogspot.com


วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

สวนหลวง-สวนรวม

สวนหลวง-สวนรวม





สวนหลวงแหล่งรวมนกนานาพันธ์ เช่นเดียวกับเอเชียนไลฟ์ที่มี
PowerSuccess เป็นศูนย์รวมผู้มีศักยภาพ ด้วยระบบN7D....
Asainlife ผสานใจสู่หลักชัย ในชีวิต
http://www.jumbolife.net/
อานนท์ 089-071-8889

www.VIVApluslife.blogspot.com

วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ลมหายใจอุ่นๆ--ความสุขจากงานที่ทำ




ลมหายใจอุ่นๆ--ความสุขจากงานที่ทำ

ความสุขที่เกิดจากงานที่ทำ

รายได้ ได้แน่ๆๆ ..ความสุขได้หรือเปล่า??

สนใจร่วมธุรกิจกับเราโทร.089-0718889

คุณ อานนท์ .. ใช่เลย



ลมหายใจอุ่น



วันไหนก็ตามที่เครียดและล้าเหลือเกิน ขอแนะนำให้พาตัวเองเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตา หากมีเวลามากกว่านั้นก็อาบน้ำ แช่น้ำอุ่นๆ หรือ เย็นๆ ก็แล้วแต่ ให้สาแก่ใจ



จากนั้นอาจจะลองหลับตาให้สบาย ผ่อนคลายที่สุด แล้วกลับมาอยู่กับลมหายใจ ดูลมหายใจที่หน้าท้อง เอามือแตะช่วยด้วยก็ได้ หายใจตามปกติ ดูมันอย่างเดียว หายใจเข้าหนอ หายใจออกหนอ พยายามเข้าหนอ ใจเย็นๆหนอ ฝืนกิเลสหน่อยหนอ แต่จะลองทำดูหนอ ทำไปเรื่อยๆ ทำไปสบายๆ จนความคิดหลุดจากหัว



ความคิด (อันเป็นต้นตอของความเครียด) ก็เหมือนทากสติเหมือนมะนาวที่ทาพอกไว้ตามมือเท้า ทากได้กลิ่นมะนาวมันจะหลุดจากมือเท้าของเราทันที เกาะอย่างไรก็ไม่อยู่ความเครียดก็เช่นเดียวกัน



ดูลมหายใจไปเรื่อยๆ เห็นการพองหนอ ยุบหนอของลมหายใจล้วนๆ เมื่อทำไปนานๆสักพักหนึ่ง ลมหายใจจะช้าลงและเริ่มแผ่วเบาๆๆ จนบางทีอาจเลือนหายไป มองไม่เห็นอาการไหวกระเพื่อมของลมหายใจ



อย่าตกใจ ดูไป กำหนดรู้ไป เมื่อลมหายใจละเอียดประณีตแล้ว สติจะแจ่มชัดขึ้นมาแทน กายใจจะเริ่มโปร่งเบา เมฆหมอกความเครียดในหัว ในกาย จะคลี่คลายขยายความเป็นความว่างเปล่า สติแจ่มชัด…..โลกหมุนช้าลง ความปีติเบิกบานผลิบานขึ้นมาท่วมทับทั้งกายทั้งใจ ความเครียดที่เราเคยคิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของเราจะหายไป



แท้ที่จริง ความเครียดนั้นไม่เคยมีตัวตนเลย มันแวะมาหาเราเท่านั้น ต่างแต่ว่าถ้าเราไม่มีสติ มันจะอยู่นาน แต่ถ้าเรามีสติไว้คอยป้องกัน มาแล้วมันก็ไป หายใจเบาๆนะ ลองทำดู ทำบ่อยๆ ได้ยิ่งประเสริฐเลิศล้ำนัก นี่แหละ "วิชาตัวเบา"ที่แท้จริงละ



ผลข้างเคียงไม่เฉพาะแต่ความเครียดหาย ใจเป็นสุข ชีวิตอ่อนโยน มีสติรู้เนื้อรู้ตัวเท่านั้นนะ แต่ยังทำให้หน้าใสอ่อนกว่าวัยอีกด้วย



ประการสำคัญที่สุด การคิด พูด ทำ เต็มเปี่ยมไปด้วยสติปัญญาของมันเอง ในตัวเราทุกคน มีโอเอซิสแห่งความสุขฝังตัวรอการค้นพบอยู่มาเป็นเวลานานแล้ว เมื่อไรจะลงมือขุดหาสิ่งนี้กันเสียที



ไม่ต้องรอให้พร้อมที่สุดหรอก คุณนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ อยู่บนรถไฟฟ้า อยู่ท่ามกลางแดดร้อนเปรี้ยง หรืออยู่ต่อหน้าเจ้านายที่กำลังพ่นคำหวานใส่คุณอยู่หรือแม้แต่อยู่ ต่อหน้ารูปถ่ายคนรักที่ปันใจจากเราไปเมื่อวานนี้ นาทีเช่นนี้ สถานที่เช่นนี้ ไม่เป็นปัญหาต่อการภาวนาเพื่อหยุดความเครียด แล้วกลับมาตื่นรู้อย่างมีสติเลยแม้แต่น้อย หลับตา วางมือไว้หน้าตัก หรือ ทอดแขนยาวตามลำตัวอย่างสบายที่สุด ถอนหายใจเข้าออกยาวๆหนักๆ จากนั้นเริ่มดูลมหายใจที่หน้าท้องน้อยๆ ดูไป ใจเย็นๆ เห็นแต่การกระเพื่อมน้อยๆ เข้าออกๆ ช้าๆ แผ่วเบา



ลองทำดูนะ ความสงบเย็นจะเอิบอาบทั่วทั้งสรรพางค์กายในไม่ช้า นี่เองคือวิธีที่พระพุทธองค์ทรงโปรดปราน และทรงทำอยู่เสมอจนวาระสุดท้าย ทรงตรัสว่า "ฉันอยู่มาก็ด้วยวิธีนี้" และผู้เขียนก็อยากจะพูดว่า อาตมาก็อยู่มาด้วยวิธีนี้ เช่นเดียวกัน



ความสุขที่ขึ้นต่อคนอื่นนั้น เปราะบาง แตกหักง่ายหยาบ และไม่ยั่งยืน สุขมากก็มีโอกาสพลิกเป็นทุกข์ได้มาก แต่สุขที่เกิดจากการเดินช้าเพราะหายใจอย่างมีสตินั้น ให้ความชุ่มเย็นและไม่ขึ้นต่อใครเลย นอกจากตัวเราเอง



วันไหนหากเธอรู้สึกว่า ชีวิตเดินทางมาไกลเหลือเกิน ทำไมเหนื่อยหนักถึงเพียงนี้ หากอย่างร้องไห้ก็ทำเถิด แต่เมื่อน้ำตาหมดแล้ว อย่าลืมพาตัวเองเข้าสู่โลกแห่งการตื่นรู้ด้วยการดูลมหายใจอย่างมีสติ



วิธีการนี้ดีมากนะ อยากให้มนุษยชาติทั่วทั้งโลกหายใจเป็น แล้วเราจะเป็นโอเอซิสแห่งความสุขด้วยตัวของตัวเอง



คนที่มีความสุขโดยไม่ต้องขึ้นต่อคนอื่นนั้น ไม่มีทางเลยที่จะไปแย่งชิงเอาความสุขมาจากคนอื่น เพราะความสุขนั้น ผลิบานอยู่แล้วในตัวเขาตลอดเวลา ขอให้เรากลับมาหล่อเลี้ยงเมล็ดพันธุ์แห่งความสุขในตัวเรา เสียแต่ วินาทีนี้เถิด



ที่มา.. หนังสือ ธรรมะสบายใจ ว.วชิรเมธี



ก้าวสู่อิสระภาพทางการเงินและเวลา



ศึกษาธุรกิจ...



คลิ๊กเลย


ธุรกิจ อารากอนเวิลด์54
ช่องทางสู่อิสระภาพทางการเงินและเวลา
ที่ทันสมัยที่สุด!!! ในเวลานี้...
เน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้ง ที่รวม3เทรนด์แห่งศตวรรษ เป็นหนึ่งเดียว..คลิ๊ก!!!





5 วิธีฟิตสมองในตอนเช้า




5 วิธีฟิตสมองในตอนเช้า (Woman Plus)


เริ่มต้นเช้าวันใหม่อย่างสดใส ด้วย 5 เคล็ดลับต่อไปนี้ค่ะ

1. หลับตาอาบน้ำ

เปิดก็อกน้ำ ปรับความแรงหรืออุณหภูมิของน้ำโดยใช้ประสาทสัมผัสและความรู้สึก (อย่าลืมฝึกวิธีปรับอุณหภูมิให้แม่นก่อนลงมือ เพื่อป้องกันน้ำร้อนลวกตัว) หลับตาใช้มือสัมผัสหาอุปกรณ์อาบน้ำ จากนั้นจึงล้างหน้า อาบน้ำหรือโกนหนวด

2.เกมสลับมือ

ขยับสมอง ฝึกใช้มือข้างที่คุณไม่ถนัด แปรงฟัน หมุนฝาหลอดยาสีฟันและป้ายยาสีฟันบนแปรง อาจใช้วิธีนี้กับกิจกรรมยามเช้าอื่น ๆ …การฝึกลักษณะนี้เป็นการกระตุ้นสมองส่วนที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน ให้เริ่มสั่งการเพื่อปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ที่สมองซีกนี้ไม่ค่อยมีส่วนร่วม

มีการวิจัยพบว่า การฝึกเช่นนี้ส่งผลให้วงจร และเครือข่ายสมองในส่วนเยื่อหุ้มสมองคอร์แทกซ์ที่ทำหน้าที่ควบคุม และรับส่งคำสั่งจากมือ มีการขยายตัวอย่างมาก และในอัตราที่รวดเร็ว หรืออาจลองทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยมือข้างเดียวก็ได้

3. อยู่ในโลกไร้เสียง

ปิดหูด้วยการใส่หูฟังขณะรับประทานอาหารกับครอบครัว เพื่อสัมผัสโลกเงียบ…คนใกล้ตัวคงเคยบ่นว่า คุณฟังสิ่งที่เขาพูดเพียงครึ่งเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่มักเกิดขึ้นตอนยุ่งอยู่ ลองฝึกตัวเองด้วยวิธีนี้ จะทำให้คุณบังคับตัวเองให้ใช้ตัวช่วยอื่นในการทำกิจกรรม เช่น รู้ว่าขนมปังปิ้งที่อยู่ในเครื่องปิ้งได้ที่แล้ว โดยไม่ต้องพึ่งเสียง

4. เช้าวันธรรมดาที่ไม่ธรรมดา

ลองเลือกกิจกรรมต่อไปนี้หนึ่งหรือสองข้อ แต่ไม่ควรทำหมดทุกข้อในเช้าวันเดียวกัน

สลับลำดับกิจวัตรตอนเช้า เช่น ถ้าคุณเคยแต่งตัวก่อนกินข้าว ลองเปลี่ยนมากินข้าวก่อนแต่งตัว

ถ้าคุณเคยรับประทานกาแฟกับขนมปังทุกเช้า ลองเป็นข้าวโอ๊ตและชาสุขภาพ หรืออาหารอื่นบ้าง

เปลี่ยนเสียงนาฬิกาปลุก เปลี่ยนรายการวิทยุ หรือทีวีไปเป็นรายการที่คุณไม่เคยฟัง รายการเด็กเป็นตัวอย่างที่ดี ในการกระตุ้นสมองให้สนใจในเรื่องที่คุณเคยมองข้าม

เปลี่ยนเส้นทางที่จะเดินทางไปทำงาน

จากการศึกษาภาพถ่ายของสมอง กิจกรรมใหม่ ๆ จะกระตุ้นเซลล์ประสาทที่กินพื้นที่สมองชั้นนอกในบริเวณกว้าง วิธีเติมกิจกรรมใหม่นี้จะให้ผลลดลง เมื่อกิจกรรมนั้นกลายเป็นสิ่งที่ทำเป็นกิจวัตร หรือเป็นอัตโนมัติ เนื่องจากสมองต้องใช้พลังในการทำสิ่งใหม่ ๆ มากกว่าต่อนทำกิจกรรมที่ทำจนชินแล้ว

5. เซ็กส์

สุดยอดกิจกรรมออกกำลังสมอง ความตื่นเต้นระทึกใจจากกิจกรรมแปลกใหม่ เป็นหัวใจหลักของการเร้าอารมณ์รัก โดยเฉพาะในคู่สมรสที่แต่งงานมานาน เพราะช่วยให้คู่รักพบกับความท้าทาย และตื่นเต้นจากประสบการณ์ทางเพศแบบใหม่ ใช้จินตนาการและดึงอารมณ์ความรู้สึกทุกส่วนออกมาปรับใช้ เช่น สวมชุดนอนผ้าไหมที่ให้ความรู้สึกสัมผัสที่เรียบลื่น โรยกลีบกุหลาบหอมกรุ่นบนเตียง นวดสัมผัสกันและกันด้วยน้ำมันหอมระเหย หรือสร้างบรรยากาศด้วยเสียงเพลงโรแมนติก

เซ็กส์ที่ดีนับเป็นการออกกำลังสมองที่ดี ฟังดูอาจเป็นการสรรเสริญเยินยอกิจกรรมบนเตียง แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ได้เป็นการกล่าวเกินจริง เพราะในกิจกรรมร่วมรักมีการใช้ประสาทสัมผัสทุกอย่าง ที่ก่อให้เกิดการกระตุ้นในวงจรสมองทุกส่วน รวมทั้งวงจรที่รับรู้เรื่องอารมณ์

ขอบคุณข้อมูลจาก WOMEN PLUS





VIVA plus (วีว่า พลัส) น้ำองุ่นสกัดเข้มข้น คุณค่าดื่ม 1 ออนซ์=ไวน์แดง 15 ขวด ค่าการต้านอนุมูลอิสระ orac score สูงที่สุดในโลก 244,050 รับรองโดย แล็บ Brunswick หน่วยงานในสังกัดของ คณะแพทย์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด โด่งดังจากคลิป โดมกินวิตามิน ในyoutube
www.VIVApluslife.blogspot.com

วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

วิธีเยียวยา 7 ประการสำหรับถุงเงินที่ว่างเปล่า





วิธีเยียวยา 7 ประการสำหรับถุงเงินที่ว่างเปล่า
จากหนังสือ"เศรษฐีชี้ทางรวย" (The Richest Man in Babylon)

ถ้าพูดถึงหนังสือประเภท Best Saler
อย่างหนังสือพ่อรวยสอนลูก (Rich Dad Poor Dad) ของ Robert T. Kiyosaki ผมว่าคนในวงการธุรกิจเครือข่าย หรือคนวงการขายประกันชีวิต น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก โดยเฉพาะสาวกอย่างผม ผมเริ่มติดตามหนังสือชุดพ่อรวยสอนลูก ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2544 โดยติดตามงานเขียนตั้งแต่เล่มแรก คือ Rich Dad Poor Dad วางขายเป็นฉบับภาษาไทย และได้ติดตามเล่ม 2,3,4,5 รวมถึงหนังสืออื่นๆ ในชุดพ่อรวยสอนลูกอีกหลายเล่ม เช่น Sale Dog , ใช้บัตรเครดิตให้รวย ฯลฯ เท่านั้นยังไม่พอยังลงทุนซื้อบัตรเข้าร่วมงานเพื่อเล่นเกมส์ กระแสเงินสดอีกหลายครั้ง หนักๆ เข้าถึงขั้นซื้อเกมส์มาไว้เล่นเองทีเดียว ...

มีคนไกล้ชิดผมและเพื่อนหลายคนล้อผมว่า "พวกลัทธิโรเบิร์ด" แรกๆ ผมฟังก็ไม่ค่อยชอบนัก ...... เมื่อหลายปีผ่านไป ... มันก็มีคนถามผมว่า "เป็นไงวะ ... คำภีร์โรเบิร์ดทำให้มึงรวยยัง ?) ...... อึ้ง .... แต่มันทำให้ผมฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า "หนังสือขายดีคืออะไร" มันก็คือหนังสือที่ผู้เขียน เขามีแรงบันดาลใจในการเขียนเพื่อให้ขายได้ ขายดี ขายเยอะๆ โดยเอาความขี้เกียจของคน และ ความอยากรวยเร็วๆ ของคนมาเป็นจุดขาย และ มันก็ได้ผลดีเสียด้วย .... เขาก็บอกแล้วนี่ครับว่านี่คือ "หนังสือขายดี" เขาไม่ได้บอกว่า "หนังสืออ่านอ่านแล้วรวย" ถ้าอยากรวยไปอ่านโน่นครับ หนังสือประเภท บัญชี การเงิน การธนาคาร การลงทุน หรือไม่ก็ไปเรียนสาย MBA โน่นถึงจะมีโอกาสรวย และ เป็นนักลงทุนได้จริงๆ แล้วทำไม โรเบิร์ด ไม่เขียน ก็เพราะมันขายไ้ม่ได้นะสิ ... ใครเขียนก็เจ้งอย่างเดียว !

ที่ผมเขียนอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าผมไม่สนับสนุนให้ท่านซื้ออ่าน นะครับ สำหรับนักการตลาดเครื่อข่ายทั้งหลาย ผมแนะนำให้ซื้ออ่านแค่ 2 เล่มพอ คือ Rich Dad Poor Dad กับ Business School ......... อ้าวแล้วอ่านทำไม ?
.......... ก็เราจะได้เปิดโลกกระทัดของเราอีกใบ เราจะได้รู้ว่าคนรวยเขาคิดอะไร แตกต่างจากคนทั่วๆ ไปอย่างไร อย่างน้อยก็เอาไว้แชร์ไอเดียกัน ... เห่อๆ
แต่ถ้าท่านอยากจะอ่านให้สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ทำได้จริง และ ลงมือทำได้ทันที
ตั้งแต่คุณยังอ่านมันไม่จบ ผมขอแนะนำหนังสือเล่มนี้ครับ "เศรษฐีชี้ทางรวย" (The Richest Man in Babylon) โดย George S. Clason) เล่มบางนิดเีดียว แต่อ่านเสร็จมันใช่เลย !!
แรกๆ ก่อนที่ผมจะได้มาอ่านหนังสือเล่มนี้ ผมได้อ่านของท่านพี่ โรเบิร์ด มาก่อน ตอนนั้นผมรู้สึก "ทึ่งมากในภูมิปัญญาของท่านพี่เขา" แต่พอได้มาอ่าน "เศรษฐีชี้ทางรวย" (The Richest Man in Babylon) ก็เลยถึงบางอ้อ .... แหมก็ท่านพี่ โรเบิร์ด เล่่นไปเอา "รากเง้าภูมิปัญญาของชาวบาบิโลน" นี่แหละแหละมาแตกเหล่าแตกกอ ขายดับขายดี

ผมขอเกริ่นเรื่องราวเกี่ยวกับที่มา ของเนื้อเรื่องในหนังสือให้ฟังสักเล็กน้อย ดังนี้ครับ
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ปรากฎให้เห็นได้ชัดว่าเมื่อ 2-3 พันปีที่แล้ว "นครบาบิโลน" เคยรุ่งเรื่องมากรุ่งเรืองกว่าอียิิิปในยุคเดียวกัน และ เป็นนครที่มีความมั่งคั่งที่สุดในยุ่คนั้น บาบิโลน จึงเป็นแดนที่เหล่าพ่อค้านักขายใฝ่ฝันที่จะไปโกยความร่ำรวยกัน เรียกได้ว่าทุกหนทุกแห่งของนครบาบิโลนแทบปูไปด้วยทองคำ อันเกิดจากความชาญฉลาดทางการเงินการค้าของชาวบาบิโลนนั่นเอง

และในที่สุดเมื่อไม่กี่ 10 ปีที่ผ่านมาความลับนี้ก็ได้ถูกเปิดเผยสู่สายตาชาวโลก เมื่อนักโบราณคดีค้นพบแหล่งประวัติศาสตร์ ที่เป็นแหล่งอารยธรรมที่รุ่งเรื่องที่สุดแห่งนี้ ที่ถูกฝังเงียบใต้ทะเลทรายนับพันปี ทางตอนใต้ของประเทศอิรัก ที่เป็นรอยต่อกับ คูเวท เมื่อนักโบราณคดีโกยทะเลทรายออกจากดินแดนแห่งนี้ ก็พบว่านครแห่งนี้กว้างใหญ่ไพศาลกว่าที่คิดมาก แทบหาที่สิ้นสุดไม่เจอ
ในการขุดค้นพบซากโบราณในครั้งนี้ นักโบราณคดียังค้นพบแผ่นศิลาจากลึก ที่ทำด้วยดินเหนียวจำนวนนับแสนชิ้น ..... โอ้แม่เจ้าตำนานสร้างเศรษฐีทั่วโลกมันเริ่มจากตรงนี้นี่เอง !

นี่คือบางส่วนเล็กน้อยของ "ชาวบาบิโลน" ที่ได้เล่าผ่านหนังสือเล่มนี้ (The Richest Man in Babylon)

วิธีเยียวยา 7 ประการสำหรับถุงเงินที่ว่างเปล่า

วิธีที่ 1 เริ่มทำให้ถุงเงินของท่านเพิ่มพูน
"ท่าน ปรารถนาอะไรมากที่สุด ความพอใจในแต่ละวันของท่าน เป็นอัญมณี ชิ้นหนึ่ง เครื่องประดับ เสื้อผ้าอาภรณ์สวยๆ หรือว่าอาหารที่มากขึ้น เป็นสิ่งต่างๆ เหล่านี้ซึ่งหมดไปและลืมเลือนกันอย่างรวดเร็วเช่นนั้นรึ หรือว่าเป็นข้าวของถาวรอย่างทองคำ ที่ดิน ฝูงปศุสัตว์ สินค้าการลงทุนที่สร้างผลกำไร เงินที่ท่านควักออกจากถุงจะให้สิ่งแรก แต่เงินที่ท่านทิ้งในถุงจะให้อย่างหลัง"
"ลูกศิษย์ของข้า นี่คือวิธีเยียวยาถุงเงินที่ว่างเปล่าวิธีแรกที่ข้าค้นพบ ทุกๆ สิบเหรียญที่ข้าใส่เข้าไป ข้าจะใช้จ่ายเพียงแค่เก้าเหรียญ"

วิธีที่ 2 จงควบคุมการใช้จ่ายของท่าน
"ที นี้ข้าจะเล่าความจริงที่ผิดธรรมดาเกี่ยวกับมนุษย์ และลูกๆ ของมนุษย์ให้พวกท่านฟัง ความจริงนั้นก็คือ สิ่งที่พวกเราแต่ละคนเรียกว่า 'ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น' จะเพิ่มขึ้นจนเท่ากับรายได้ของเราเสมอ ถ้าเราไม่พยายามฝืนให้มันเป็นตรงกันข้าม"
"จง จัดงบประมาณค่าใช้จ่ายให้จ่ายแต่ในสิ่งที่จำเป็น จ่ายเพื่อความสุขของท่าน และเพื่อตอบสนองความปรารถนาอันควรค่า โดยไม่ให้เกินกว่าเก้าในสิบของเงินทั้งหมดที่ท่านหามาได้"

วิธีที่ 3 จงทำให้ทองคำของท่านทวีข้น
"ลูก ศิษย์ของข้า ข้าจะบอกให้ว่าความมั่งคั่งของคนเรา ไม่ได้อยู่ที่เหรียญในถุงเงินของเขา แต่อยู่ที่รายได้ที่เขาสร้างขึ้น อยู่ที่กระแสทองคำซึ่งหลั่งไหลเข้าสู่ถุงเงินของเขาอย่างไม่ขาดสาย และทำให้ถุงเงินของเขาเต็มแน่นอยู่เสมอ นี่คือสิ่งที่ทุกคนปรารถนา นี่คือสิ่งที่พวกท่านแต่ละคนปรารถนา รายได้ที่มีมาไม่ขาดสาย ไม่ว่าพวกท่านจะทำงานหรือเดินทางท่องเที่ยว"
"นี่คือวิธีเยียวยาที่สามสำหรับถุงเงินที่ว่างเปล่า จงให้เหรียญเงินแต่ละเหรียญทำงานให้ท่าน เพื่อให้มันออกลูกออกหลานเฉกเช่นเดียวกับฝูงปศุสัตว์ในทุ่งหญ้า ซึ่งจะช่วยนำรายได้มาสู่ท่าน เป็นกระแสความมั่งคั่งที่หลั่งไหลเข้าสู่ถุงเงินของท่าน อย่างไม่ขาดสาย

วิธีที่ 4 ปกป้องทรัพย์สมบัติของท่านจากการสูญเสีย
"หลัก การสำคัญประการแรกในการลงทุนก็คือ ความมั่นคงปลอดภัยของเงินทุนของท่าน เป็นการฉลาดแล้วรึที่จะเคลิ้มไปกับรายได้มหาศาล แต่อาจต้องสูญเสียเงินทุนของท่านไป ข้าว่าไม่ฉลาดเลย โทษของการเสี่ยงคืออาจขาดทุน ก่อนจะลงทุนท่านต้องศึกษาหลักประกันให้รอบคอบว่า เงินทุนของท่านจะได้คืนมาอย่างปลอดภัย อย่าหลงผิดไปกับความฝัน ลมๆ แล้งๆ ว่าจะพบความมั่งคั่งได้อย่างรวดเร็ว"
"นี่คือวิธีเยียวยาที่สี่สำหรับ ถุงเงินที่ว่างเปล่า มันย่อมมีความสำคัญยิ่ง ถ้ามันสามารถปกป้องถุงเงินที่เคยเต็มปรี่ของท่าน ให้รอดพ้นจากการสูญเสียได้ จงปกป้องทรัพย์สมบัติของท่าน จากการสูญเสียด้วยการลงทุนแต่ในกิจการที่เงินทุนจะปลอดภัย ซึ่งท่านสามารถเรียกเงินทุนคืนได้ทุกเมื่อ และยังเรียกเก็บผลกำไรที่ยุติธรรมได้ด้วย จงปรึกษาผู้รอบรู้เชื่อถือคำแนะนำของผู้มีประสบการณ์ ที่จัดการทองคำอย่างได้ดอกผล ให้ความรอบรู้ของเขาช่วยปกป้องทรัพย์ของท่าน จากการลงทุนที่ไม่ปลอดภัย"

วิธีที่ 5 จงทำให้เคหสถานของท่านเป็นการลงทุนที่มีผลกำไร
"พร อันประเสริฐมากมาย จะมาหาคนที่เป็นเจ้าของบ้านของตัวเอง มันจะช่วยลดค่ายังชีพของเขาลงอย่างใหญ่หลวง ทำให้เขามีเงินมากขึ้นสำหรับการหาความสุข และตอบสนองความปรารถนาของเขา นี่คือวิธีเยียวยาที่ห้าสำหรับถุงเงินที่ว่างเปล่า จงเป็นเจ้าของบ้านของท่านเอง"

วิธีที่ 6 จงประกันรายได้สำหรับอนาคต
"ชีวิต ของมนุษย์ทุกคนดำเนินจากวัยเด็กถึงวัยชรา มันคือเส้นทางชีวิตที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ เว้นเสียแต่ว่าพระเจ้าจะทรงเรียกตัวเขาไปจากโลกนี้ก่อนวัยอันควร ด้วยเหตุนี้ข้าขอบอกว่า มันจำเป็นมากที่คนเราจะต้องเตรียมการสำหรับราย ได้ที่เหมาะสมในอนาคต ในวัยที่เรามิได้หนุ่มแน่นดังเดิม และต้องเตรียมพร้อมเพื่อครอบครัวเมื่อเรามิอาจเลี้ยงดูพวกเขาได้อีก"
"นี่คือวิธีเยียวยาที่หกสำหรับถุงเงินที่ว่างเปล่า จงจัดหาไว้ล่วงหน้าสำหรับความต้องการในวัยชรา และเพื่อปกป้องครอบครัวของท่าน"

วิธีที่ 7 จงเพิ่มพูนความสามารถในการหาเงิน
"สิ่งที่มาก่อนความสำเร็จคือความปรารถนา ความปรารถนาของท่านต้องหนักแน่นและชัดเจน"
"ความปรารถนาต้องเรียบง่ายและชัดเจน มันจะทำลายจุดประสงค์ของมันเองถ้ามีมากเกินไป สับสนเกินไป หรือเกินความสามารถที่เราจะทำได้"
มนุษย์พึงปฏิบัติตามสิ่งต่างๆ ข้างล่างนี้ถ้าเขาเป็นคนเคารพตัวเอง
"เขาต้องจ่ายหนี้ทันทีเท่าที่มีกำลังจะจ่ายได้ ต้องไม่หาซื้อสิ่งที่เขาไม่สามารถจ่ายได้"
"เขาต้องดูแลครอบครัว เพื่อให้พวกเขาคิดและพูดถึงเขาในแง่ดี"
"เขาต้องทำพินัยกรรมแบ่งทรัพย์สินให้ถูกต้อง เหมาะสมและยุติธรรมเอาไว้ เผื่อพระเจ้าจะทรงเรียกตัวเขาก่อนเวลา"
"เขา ต้องมีความเมตตากรุณาต่อผู้ที่เจ็บปวดและแพ้พ่ายจากโชคร้าย ต้องช่วยเหลือพวกเขาอย่างมีขอบเขต จะทำอะไรต้องเกรงใจบุคคลอันเป็นที่รักของเขา"
"ด้วยเหตุนี้วิธี เยียวยาที่เจ็ด ซึ่งเป็นวิธีสุดท้ายสำหรับถุงเงินที่ว่างเปล่าก็คือ จงสร้างพลังอำนาจของตัวท่านเอง จงศึกษาให้เป็นผู้รู้มากขึ้น จงฝึกความชำนาญให้มากขึ้น และจงทำในสิ่งที่เป็นการเคารพตัวเอง ดังนี้แล้วท่านจะมีความมั่นใจในตัวเอง ที่จะบรรลุความปรารถนาของท่าน ซึ่งผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว"






ธุรกิจ อารากอนเวิลด์54
ช่องทางสู่อิสระภาพทางการเงินและเวลา
ที่ทันสมัยที่สุด!!! ในเวลานี้...
เน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้ง ที่รวม3เทรนด์แห่งศตวรรษ เป็นหนึ่งเดียว..คลิ๊ก!!!


ฝึกตัวเองเพื่อความสำเร็จ



ฝึกตัวเองเพื่อความสำเร็จ

คนส่วนใหญ่ รู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จ แต่เขาไม่ได้ทำในสิ่งที่เขารู้จึงเป็นเหตุให้เขายังไม่ประสบความสำเร็จ!!!

ถ้าเราอยากประสบความสำเร็จ เราจะต้อง ฝึกตัวเองและในบางครั้งเราจะต้องฝึก ฝืนใจของตัวเอง

ไม่มีใครอยากให้ตัวเองเหนื่อย หรือเผชิญกับความยากลำบาก ความอึดอัดใจ ไม่มีใครอยากฟังเสียงปฏิเสธ หรืออยากให้ตัวเองพบกับความผิดหวัง เราอยากอยู่สบายๆ เราชอบทำอะไรตามใจตัวเอง เราติดกับความเคยชินเดิมๆ หรือที่เรียกว่า ติดอยู่ใน Comfort Zone

ชีวิตเต็มไปด้วยบททดสอบ . .

การที่จะประสบความสำเร็จเหมือนกับการว่ายทวนกระแสน้ำ

เราจะต้องฝึกเอาชนะใจตัวเอง เอาชนะความอยากและความไม่อยากของตัวเอง เราจะต้องฝืนใจของตัวเองบ้างในบางครั้ง เราจะต้องมีความตั้งใจมั่น . .

อยากลดความอ้วน >> เราต้องอดใจ ฝืนตัวเองที่จะไม่กินของหวานหรือไอศรีม และกินพอประมาณเท่านั้น

อยากมีลูกค้าเยอะๆ >> เราต้องฝึกตัวเองให้เป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดี ฝึกทักษะการพูดโน้มน้าวจูงใจ ฝึกให้ใจยอมรับความผิดหวังจากเสียงปฏิเสธของลูกค้า

อยากประสบความสำเร็จ >> เราต้องฝึกความขยัน อดทน เอาชนะความขี้เกียจ ความรักสบาย

อยากรวย >> ฝึกการเก็บหอมรอมริบ ประหยัด ใช้ชีวิตเรียบง่าย เอาชนะความอยากได้ของหรูๆ กินอาหารแพงๆ และความฟุ่มเฟือยต่างๆ

อยากมีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่น >> ฝึกเอาชนะความมีทิฐิมานะของตัวเอง พ่อแง่แม่งอน ฝืนใจตัวเองไม่ให้วอกแวกไปชอบคนอื่น ให้เวลาและให้ความรักอย่างเต็มที่กับคนในครอบครัว

อยากสุขภาพดี >> ฝึกทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ ทานผัก ผลไม้ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย ฝืนใจตัวเองให้เลิกกินเหล้า เลิกสูบบุหรี่

อยากอายุยืน >> ดูแลสุขภาพใจและกายของตัวเองให้ดี ฝึกปล่อยวางสิ่งที่ทำให้เครียด หรือสิ่งที่ทำให้วิตกกังวล

วิธีการฝึกก็คือ เราจะต้อง มีสติคอยตามดู ตามรู้ ตามสอนตัวเองอยู่ตลอดเวลา!!!

คนที่ใช้ชีวิตแบบไม่มีสติก็จะปล่อยให้ตัวเองทำตามอารมณ์ หรือความอยากที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นๆ ถ้าเราสังเกตุให้ดีจะเห็นว่า เรามักจะทำอะไรแบบอัตโนมัติ ตามความเคยชินเดิมๆ เช่น มีคนขับรถปาดหน้าเรา เราก็จะด่าเขาออกไปเลย แบบอัตนิมัติ!!

ถ้าคุณเคยฝึกสติคือฝึกในการตามดูอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของตัวเราเอง คุณจะเห็นเลยว่า บางครั้งเราไม่สามารถควบคุมความคิดของเราได้ เช่น เราไม่อยากคิดถึงปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่ เพราะมันทำให้เราเครียดและวิตกกังวล แต่เราก็ไม่สามารถหยุดความคิดนั้นได้ หรือ เราไม่อยากคิดถึงคนที่ทำให้เราเสียใจ แต่เราก็ยังคิดถึงคนๆนั้นอยู่ ใช่หรือไม่?

ถ้าเรามีสติในการกิน เวลาที่เราจะกินของที่ไม่มีประโยชน์หรือของที่ทำให้อ้วน มันก็จะมีเสียงเล็กๆในหัวมาเตือนให้เราคิดว่าถ้ากินแล้วอ้วนนะ เธอจะกินหรือเปล่า?” เราจะได้พิจารณาว่า ถ้าอยากกินและเลือกที่จะกิน เราก็ต้องรับผิดชอบต่อการเลือก และผลของการเลือกหรือผลของกระทำของเราเอง ถ้าเราอ้วน ก็ไม่ต้องบ่น เพราะเราเลือกเอง!!!

การทำงานก็เหมือนกัน เวลาที่เราออกไปขายของหรือออกไปพบลูกค้า ถ้าลูกค้าปฏิเสธ ยังไม่ซื้อของจากเรา เราก็อาจจะหงุดหงิด เสียใจ ผิดหวัง ท้อแท้ หมดกำลังใจ หรือเลิกทำงานนั้นไปเลยก็ได้ แต่ถ้าเรามีสติเราก็จะเห็นตัวเองหมดแรง แล้วก็อาจจะมีความคิดแบบใหม่ว่า มันเป็นธรรมดาที่มีคนซื้อบ้าง ไม่ซื้อบ้างหรือ อย่างน้อยเราก็ได้รู้จักคนเพิ่มหรือ ได้ฝึกพูดซึ่งมันจะทำให้เรากลับมามีพลังใหม่!!

เวลาที่เรามีสติตัวปัญญาก็จะเริ่มเกิด เขาถึงเรียกว่า สติปัญญา” !!!

การฝึกสติมีคุณประโยชน์อย่างมหาศาล!! .. เราจะเข้าใจตัวเองมากขึ้น เราจะแยกแยะสิ่งต่างๆได้ดีขึ้น เราจะปล่อยอารมณ์ด้านลบทิ้งได้เร็วขึ้น!! นั่นหมายถึงประสิทธิภาพในการทำงานจะสูงขึ้น และเราจะมีความสุข ความสงบในจิตใจมากขึ้น!!!

ดิฉันเห็นคนที่อยากประสบความสำเร็จ แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จเยอะแยะมากมาย . . ดิฉันอยากบอกว่า เราสามารถประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วได้ ถ้าเราเก่ง 2 เรื่อง คือ 1.เก่งเรื่องตัวเอง (Personal Mastery) 2. เก่งเรื่องคนอื่น (People Mastery)

สัมมนาปลุกยักษ์ที่ดิฉันสอนนั้น เป็นการสอนให้เราเก่งเรื่องตัวเอง ส่วนสัมมนาจ้าวแห่งการสื่อสารเป็นการสอนให้เราเก่งเรื่องคนอื่น!!

ดิฉันเสียดายเวลาที่เห็นคนมีฝัน มีไฟ อยากประสบความสำเร็จ แต่เขาไม่มีทักษะในเรื่องของการสื่อสารโน้มน้าวจูงใจที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ผลงานออกมาน้อยกว่าที่เขาควรจะทำได้!! นักขายพยายามเสนอขาย แต่ปิดการขายได้น้อยเกินไป!! ผู้บริหารหรือผู้นำบางคนมีความคิดอ่านและมีเจตนาที่ดี แต่สื่อสารไม่เป็น ทำให้ลูกน้องหรือทีมงานไม่ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่!!

ที่มา:unknown



ธุรกิจ อารากอนเวิลด์54
ช่องทางสู่อิสระภาพทางการเงินและเวลา
ที่ทันสมัยที่สุด!!! ในเวลานี้...
เน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้ง ที่รวม3เทรนด์แห่งศตวรรษ เป็นหนึ่งเดียว..คลิ๊ก!!!



คุณ ธนา เธียรอัจริยะ : เกมส์คิดดี - ในงาน Ignite Thailand++ ครั้งที่2



คุณ ธนา เธียรอัจริยะ : เกมส์คิดดี - ในงาน Ignite Thailand++ ครั้งที่2
"ปลุกพลังบวก เปลี่ยนประเทศไทย" 13 ต.ค. 53
@ หอประชุมใหญ่ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย








ธุรกิจ อารากอนเวิลด์54
ช่องทางสู่อิสระภาพทางการเงินและเวลา
ที่ทันสมัยที่สุด!!! ในเวลานี้...
เน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้ง ที่รวม3เทรนด์แห่งศตวรรษ เป็นหนึ่งเดียว..คลิ๊ก!!!



นิทานเซน : ค่าของคน



นิทานเซน : ค่าของคน

ยังมีศิษย์เซนผู้หนึ่ง เฝ้าพร่ำถามอาจารย์เซนทุกวันว่า “สิ่งใดคือคุณค่าที่แท้จริงของคนเรา?”

วันหนึ่ง อาจารย์เซนเดินออกมาจากห้องพร้อมกับก้อนหินหนึ่งก้อน จากนั้นเอ่ยกับศิษย์เจ้าปัญหาว่า “เจ้าจงเอาก้อนหินก้อนนี้ไปเร่ขายยังท้องตลาด แต่ไม่จำเป็นต้องขายออกไปจริงๆ เพียงแค่ทำให้มีผู้มาเสนอราคาขอซื้อก็เพียงพอแล้ว ลองดูสิว่าตลาดจะให้ราคาของก้อนหินก้อนนี้เท่าไหร่”

ศิษย์เซนนำก้อนหินไปเร่ขายยังท้องตลาด มีคนเห็นว่าหินก้อนนี้ทั้งใหญ่และเรียบสวย จึงให้ราคา 2 ตำลึง อีกผู้หนึ่งเห็นว่าหินก้อนนี้น่าจะนำไปทำเป็นลูกกลิ้งหรือลูกตุ้มถ่วงน้ำหนักได้อย่างดี จึงให้ราคาถึง 10 ตำลึง หลังจากนั้น แม้ว่าจะมีผู้แวะเวียนเข้ามาชมดูก้อนหินมากมาย แต่ราคาที่สูงสุดที่ได้จากท้องตลาดคือ 10 ตำลึง

เมื่อศิษย์เซนนำก้อนหินกลับมายังวัด ก็ถ่ายทอดเรื่องราวที่ตนเร่ขายก้อนหินธรรมดาๆ จนได้ราคาถึง 10 ตำลึงให้อาจารย์ฟังด้วยความยินดียิ่ง

เมื่อฟังจบ อาจารย์เซนเพียงแต่กล่าวว่า “เจ้าจงนำหินก้อนนี้ไปเร่ขายอีกครั้ง ยังตลาดค้าทอง”

ศิษย์เซนจึงเดินทางไปยังตลาดค้าทอง จากนั้นนำก้อนหินออกมาเร่ขาย คราวนี้เพียงแค่เริ่มต้นก็มีผู้เสนอราคาก้อนหินถึง 1 พันตำลึง จากนั้นราคาก็ขึ้นมาเป็น 1 หมื่นตำลึง และสุดท้ายจบลงที่ราคา สิบหมื่นตำลึง

เมื่อศิษย์เซนเห็นผลลัพธ์เกินความคาดหมายถึงเพียงนั้น จึงรีบกลับมารายงานอาจารย์เซน ทว่าอาจารย์เซนเพียงกล่าวว่า “พรุ่งนี้เจ้าจงนำก้อนหินก้อนนี้ไปเร่ขายยังตลาดค้าเพชรพลอย ซึ่งเป็นตลาดระดับสูงที่สุดดู”

เมื่อศิษย์เซนนำก้อนหินไปเร่ขายตามคำสั่งของอาจารย์ พบว่าราคาของก้อนหินขึ้นพรวดพราดไปเรื่อยๆ จากสิบหมื่นตำลึง ยี่สิบหมื่นตำลึง สามสิบหมื่นตำลึง จนกระทั่งมีผู้เข้าใจว่าที่ศิษย์เซนยังไม่ยอมตกลงใจขายก้อนหินเป็นเพราะยังไม่ได้ราคาเหมาะสม จึงเสนอให้ตั้งราคาขึ้นมาเองตามใจชอบอย่างไม่อั้นได้เลยว่าจะขายที่ราคาเท่าไหร่ ศิษย์เซนได้แต่อธิบายต่อผู้คนที่สนใจซื้อก้อนหินว่าตนทำตามคำสั่งอาจารย์ มิอาจขายก้อนหินออกไปจริงๆ ได้ จากนั้นจึงเดินทางกลับวัด พร้อมทั้งบอกอาจารย์เซนว่า "ตอนนี้ราคาของก้อนหินพุ่งขึ้นไปถึงหลักสิบหมื่นตำลึงแล้ว”

เมื่ออาจารย์เซนฟังจบ จึงกล่าวว่า “นั่นก็ใช่แล้ว ที่ข้าไม่อาจสั่งสอนเจ้าได้ว่าชีวิตมีคุณค่าเพียงใด ก็เพราะนั่นจะเป็นการตีราคาชีวิตของเจ้าโดยผ่านมุมมองภายนอกไม่ต่างจากการตีราคาก้อนหิน ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้วคุณค่าของมนุษย์ทุกคนล้วนต้องกระจ่างอยู่ภายในจิตใจของคนผู้นั้นเอง จงมีสายตาแหลมคมดั่งนักค้าเพชรพลอยเสียก่อน จึงจะสามารถเห็นซึ้งถึงคุณค่าที่แท้จริงของคนเรา”

ปัญญาเซน : มนุษย์ทุกคนล้วนมีคุณค่าอยู่ในตัวเอง จงตระหนักในคุณค่าแห่งตน ยอมรับตนเอง ฝึกฝนตนเอง ให้ช่องว่างกับตัวเองได้เติบโต ทุกคนล้วนสามารถกลายเป็นสิ่งมีค่าอันประเมินมิได้ ทุกขวากหนาม ทุกความเจ็บปวด ทุกความพ่ายแพ้ล้วนแล้วแต่มีความหมายอย่างยิ่งต่อชีวิตของคนเรา






ธุรกิจ อารากอนเวิลด์54
ช่องทางสู่อิสระภาพทางการเงินและเวลา
ที่ทันสมัยที่สุด!!! ในเวลานี้...
เน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้ง ที่รวม3เทรนด์แห่งศตวรรษ เป็นหนึ่งเดียว..คลิ๊ก!!!