วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2554

Money Talk Live การบริหารความมั่งคั่ง อีกมุมมอง โดย คุณ ดนัย จันทร์เจ้าฉาย






Money Talk Live การบริหารความมั่งคั่ง อีกมุมมอง ความมั่งคั่ง คือ ความพอเพียงโดย คุณ ดนัย จันทร์เจ้าฉาย

1)ความมั่งคั่ง คือ ความพอเพียง เคยสังเกตบ้างหรือไม่ว่า บ่อยครั้งสิ่งที่เราอยากได้กลับไม่ได้ แต่สิ่งที่ไม่อยากได้กลับได้มาอย่างง่ายดาย จนต้องหันกลับมาถามตัวเองบ่อยๆ ว่าทำไมโชคชะตาจึงเล่นตลกกับเราแบบนี้ ความจริงแล้วเรื่องความลับเหนือโลกเกี่ยวกับการสร้างความมั่งคั่งนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก เพียงพลิกวิถีความคิดเพียงนิดเดียว โอกาสในการประสบความสำเร็จนั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อม! ผมมีโอกาสเรียบเรียงหนังสือ สุดยอดเดอะซีเคร็ต...

2)WOS TALK ข้าราชการวุฒิสภาพบหัวใจสีขาวได้อีก การค้นหาหัวใจสีขาวให้เจอ ต้องสามารถให้เวลากับตัวเองได้ คนหลายคนเป็นคนที่น่าสงสาร เป็นคนที่มีเวลาให้เรื่องราวต่างๆทั้งหมด แต่ไม่มีเวลาให้ตัวเอง…...

3)รายการ The Way ถนนคนมีฝัน น้องๆ อยากเลือกเรียนอะไร ทำงานอะไรกันดี ลองฟังบทสัมภาษณ์ดูได้ครับ...
รายการชีวิตสดใส ตอน หัวใจสีขาว (ช่อง 9) พลังในการทำงานที่ดี… เพราะมีต้นแบบที่ดี คือ พระพุทธเจ้า และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำงานด้วยความสุข จะเป็นเหตุให้เกิดสมาธิ และจะเกิดปัญญาตามมา ตราบที่มีลมหายใจ เรายังมีสิทธิ์ได้พบหัวใจสีขาวดวงนั้น...

4)บุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งแต่อายุ 17 ที่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนอยู่ที่อเมริกานั้น ทำให้ผมตัดสินใจไว้ว่า เราไม่เสียดายเลย ปกป้องสถาบัน เรารักในหลวง (ฉบับย่อ) …ไม่ว่าจะเกิดวิกฤตอะไรก็ตามในประเทศไทยในสังคมไทย จะมีสงครามโลกกี่ครั้ง...



ธุรกิจ อารากอนเวิลด์54
ช่องทางสู่อิสระภาพทางการเงินและเวลา
ที่ทันสมัยที่สุด!!! ในเวลานี้...
เน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้ง ที่รวม3เทรนด์แห่งศตวรรษ เป็นหนึ่งเดียว..คลิ๊ก!!!

วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2554

เพลง : รักเธอมากกว่า : เต๋อ เรวัตร พุทธินันธ์ (ประกอบละคร รักในรอยแค้น)







เพลง : รักเธอมากกว่า
ประกอบละคร รักในรอยแค้น
ศิลปิน : เต๋อ เรวัตร พุทธินันธ์

เนื้อเพลง :

ต่างก็รักกัน แต่ก็รู้กัน ว่าความฝันมันเลือนลาง
เมื่อเราสองคน อยู่บนหนทาง ที่อาจจะตีบตัน
รอยร้าวที่เราต้องเจอ ไม่อยากจะรับรู้มัน
เป็นลางร้ายที่เตือนว่าซักวัน จะหลีกมันอย่างไร
เพราะฉันเองก็รู้ว่ารักเธอมากกว่า
กว่าที่ตัวฉันจะยอมเปลี่ยนใจ
และฉันเองก็รู้ว่ารักนั้นยิ่งใหญ่
กว่าที่ใจฉันและเธอจะยอม เลิกลา
รอยร้าวที่เราต้องเจอ ไม่อยากจะรับรู้มัน
เป็นลางร้ายที่เตือนว่าซักวัน จะหลีกมันอย่างไร
เพราะฉันเองก็รู้ว่ารักเธอมากกว่า
กว่าที่ตัวฉันจะยอมเปลี่ยนใจ
และฉันเองก็รู้ว่ารักนั้นยิ่งใหญ่
กว่าที่ใจฉันและเธอจะยอม เลิกลา
เพราะฉันเองก็รู้ว่ารักเธอมากกว่า
กว่าที่ตัวฉันจะยอมเปลี่ยนใจ
และฉันเองก็รู้ว่ารักนั้นยิ่งใหญ่
และจะมีไว้ให้เธอคนนี้ .. คนเดียว





VIVA plus (วีว่า พลัส) น้ำองุ่นสกัดเข้มข้น คุณค่าดื่ม 1 ออนซ์=ไวน์แดง 15 ขวด ค่าการต้านอนุมูลอิสระ orac score สูงที่สุดในโลก 244,050 รับรองโดย แล็บ Brunswick หน่วยงานในสังกัดของ คณะแพทย์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด โด่งดังจากคลิป โดมกินวิตามิน ในyoutube
www.VIVApluslife.blogspot.com

เจ้าสาวที่กลัวฝน : เต๋อ เรวัตร พุทธินันท์






เพลง : เจ้าสาวที่กลัวฝน
ศิลปิน : เต๋อ เรวัตร พุทธินันท์
เนื้อเพลง :

เหตุอันใด พอความรักเธอเริ่มต้น ชายทุกคน หลีกไกล
เหตุอันใด เธอเคย คิดดูหรือไม่ ใครล้อมกรอบตัวเอง
ตั้งข้อแม้ รักเสียมากมาย จะมีชายใดเป็นได้ดัง
เช่นกฎเกณฑ์ เธอวางไว้ใครบ้าง จะมีทาง เป็นชายของเธอ
เธอเห็นใคร ไยถึงต้องหลอกตัวเอง
ใจเธอเอง คิดกลัวทุกอย่าง
บางครั้งเธอ เต็มใจ แต่กลัว
เปรียบเธอเป็น คนกลัว ฝนที่เย็นฉ่ำ
กลัวฝนทำ เธอเปียกปอนไป
หากเธอคิด พบรักที่ชื่นฉ่ำ อย่ามัวทำ ตัวเองมืดมน
อย่ากลัวฝน เพราะฝน นั้นเย็นฉ่ำ อย่ามัวทำ
ตามความคิดเดิม ลองคิดดู ลองหาทางสู้กับฝน
ท้องฟ้าใส ยามฝนซา เปียกปอนกันมา กลับแห้งไป
ความรักนั้น ต้องมั่นใจ ฝากใจให้รักชักนำ
หากเธอคิด พบรักที่ชื่นฉ่ำ อย่ามัวทำ ตัวเองมืดมน
อย่ากลัวฝน เพราะฝนนั้นเย็นฉ่ำ อย่ามัวทำ ตามความคิดเดิม
ลองคิดดู ลองหาทางสู้กับฝน
ท้องฟ้าใส ยามฝนซา เปียกปอนกันมา กลับแห้งไป
ความรักนั้น ต้องมั่นใจ ฝากใจให้รักชักนำ
หากเธอคิด พบรักที่ชื่นฉ่ำ อย่ามัวทำ ตัวเอง มืดมน
อย่ากลัวฝน เพราะฝน นั้นเย็นฉ่ำ อย่ามัวทำ ตามความคิดเดิม
หากเธอคิด พบรักที่ชื่นฉ่ำ อย่ามัวทำ ตัวเองมืดมน
อย่ากลัวฝน เพราะฝนนั้น เย็นฉ่ำ






VIVA plus (วีว่า พลัส) น้ำองุ่นสกัดเข้มข้น คุณค่าดื่ม 1 ออนซ์=ไวน์แดง 15 ขวด ค่าการต้านอนุมูลอิสระ orac score สูงที่สุดในโลก 244,050 รับรองโดย แล็บ Brunswick หน่วยงานในสังกัดของ คณะแพทย์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด โด่งดังจากคลิป โดมกินวิตามิน ในyoutube
www.VIVApluslife.blogspot.com


เพลง : คงจะมีสักวัน : เต๋อ เรวัตร พุทธินันท์






เพลง : คงจะมีสักวัน
ศิลปิน : เต๋อ เรวัตร พุทธินันท์
เนื้อเพลง :

คงจะมีสักวัน คงเป็นวันที่ชื่นใจ
คงจะมีสักวัน คงเป็นวันที่ยิ่งใหญ่
อยู่บนทางที่เธอเคยหวั่น
แต่เป็นวันที่คอยเธออยู่ ไม่ไกล
หากใจท้อ
ขอจงอดทน หนทางที่เดินไป
เหนื่อยเพียงไหน
ไม่กลัวสิ่งใดก้าวไปให้มั่นคง
คงจะมีสักวัน คงเป็นวันที่ชื่นใจ
คงจะมีสักวัน คงเป็นวันที่ยิ่งใหญ่
อยู่บนทางที่เธอเคยหวั่น
แต่เป็นวันที่คอยเธออยู่ไม่ไกล
คงจะมีสักวัน คงเป็นวันที่ชื่นใจ
คงจะมีสักวัน คงเป็นวันที่ยิ่งใหญ่
อยู่บนทางที่เธอเคยหวั่น
แต่เป็นวันที่คอยเธออยู่ไม่ไกล
หากใจท้อ
ขอจงอดทน หนทางที่เดินไป
เหนื่อยเพียงไหน ไม่กลัวสิ่งใดก้าวไปให้มั่นคง
หากใจท้อ
ขอจงอดทน หนทางที่เดินไป
เหนื่อยเพียงไหน ไม่กลัวสิ่งใดก้าวไปให้มั่นคง


ธุรกิจเครือข่ายออนไลน์สีขาว ที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณ
เน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้ง ที่รวม3เทรนด์แห่งศตวรรษ เป็นหนึ่งเดียว..คลิ๊ก!!!

เพลง : ยิ่งสูงยิ่งหนาว :เต๋อ เรวัตร พุทธินันท์






เพลง : ยิ่งสูงยิ่งหนาว
ศิลปิน : เต๋อ เรวัตร พุทธินันท์
เนื้อเพลง :

ก่อนตะวัน
ลับแนวเหลี่ยมภูผา..
หมอกจางตา
ฟ้าร่วมกันท้าทาย..
ขุนเขายิ่งใหญ่.
ทางเดินห่างลับไกล.
บุกเดินไป ไม่เคยหวั่น.
เขาสูงนั้น ค้ำฟ้าตระหง่าน
เหล่าภัยพาลคืบคลานเป็นเงา
ยิ่งสูงยิ่งหนาว
ยอดเขายังห่าง
อยู่บนทางนึกหวั่น
นึกพรั่น ความหนาว.
เขาสูงนั้น ค้ำฟ้าตระหง่าน
เหล่าภัยพาลคืบคลานเป็นเงา
ยิ่งสูงยิ่งหนาว
ยอดเขายังห่าง
อยู่บนทางนึกหวั่น
นึกพรั่น ความหนาว.
เปรียบคนเรา
เหมือนดังเช่นภูเขา..
ฝ่าไปเอา
หมายตัวเราก้าวไกล.
สูงสูงขึ้นไป ใครจะอยู่ข้างเรา.
กิเลสยุเย้า ให้ปีนป่าย.
ไร้มิตรแท้ ถึงแม้ยิ่งใหญ่
ใหญ่เกินไป ไม่มีใครเอา
ยิ่งสูงยิ่งหนาว
ยิ่งเหงายิ่งห่าง
อยู่บนทางนึกหวั่น
นึกพรั่น ความหนาว


ธุรกิจเครือข่ายออนไลน์สีขาว ที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณ

เพลง ตะกายดาว : เต๋อ เรวัติ พุทธินันท์







เพลง : ตะกายดาว
ศิลปิน : เต๋อ
เนื้อเพลง :

อยากจะเป็น จะมุ่งไป เป็นอะไร ดีดี สักอย่าง
คงจะมีหนทาง ก็ฝันกันไป
อยากจะเป็น คนสำคัญ คงสักวัน จะก้าวไกล
ไปเป็นดาว ดวงใหญ่ จะโด่งจะดัง
แม้จะล้ม ก็คิดจะคลาน เหงื่อจะซ่านกระเซ็น
ก็คิดแล้วคุ้ม ไม่รู้จะเป็นอย่างไร
จะร้อน หรือหนาว ก็พร้อมจะทน จะไป เป็นคนยิ่งใหญ่
ก็ค้นกันไป หากันไป หนทาง ...
ก็อยากจะดัง มันจึงต้องไป ในเมื่อใจ มันเอาซะอย่าง
ยอม ทำทุกทาง ตะเกียกตะกาย
ฮึม ฮือ ฮือ ฮือ ตะเกียกตะกาย



ธุรกิจ อารากอนเวิลด์54
ช่องทางสู่อิสระภาพทางการเงินและเวลา
ที่ทันสมัยที่สุด!!! ในเวลานี้...
เน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้ง ที่รวม3เทรนด์แห่งศตวรรษ เป็นหนึ่งเดียว..คลิ๊ก!!!

เพลง : สักวันต้องได้ดี : เต๋อ เรวัติ พุทธินันท์










เพลง : สักวันต้องได้ดี
ศิลปิน : เต๋อ เรวัติ พุทธินันท์
เนื้อเพลง :

คนบางคน ชีวิต ช่างยากช่างเย็นเหลือเกิน
เดินกันไป ไม่เคยจะได้ดี
แต่ตัวเราเองยังหวัง ด้วยพลังที่มี
จึงทำความดีไม่เคยจะท้อใจ
อย่างน้อย สิ่งที่เรานั้นทำลงไป
ไม่คิดอะไร ก็แค่ภูมิใจที่เป็นคนดี
อย่างน้อย ก็บอกตัวเองหนทางยังมี
แม้ว่าวันนี้ มันช่างโหดร้าย
ก็ยังคงทำดีไม่เคยหวั่น
รู้ว่าสักวัน ต้องได้ดี




ธุรกิจ อารากอนเวิลด์54
ช่องทางสู่อิสระภาพทางการเงินและเวลา
ที่ทันสมัยที่สุด!!! ในเวลานี้...
เน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้ง ที่รวม3เทรนด์แห่งศตวรรษ เป็นหนึ่งเดียว..คลิ๊ก!!!


6 วิธีป้องกัน ไม่ให้อาชีพการงานถอยหลังลงคลอง (Lisa)




6 วิธีป้องกัน ไม่ให้อาชีพการงานถอยหลังลงคลอง (Lisa)


เมื่อคุณได้งานสมใจ ควรคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ด้วยล่ะ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องพบกับ จุดบอดเมื่ออายุการทำงานผ่านไปเรื่อย ๆ

1. แสดงให้เห็นว่าคุณคือบุคลากรที่บริษัท "ขาดไม่ได้" บริษัทมีที่ทางขยับขยายความก้าวหน้าเสมอ หากคุณมีผลงานที่คุณได้ลงมือลงแรงอย่างเต็มที่เพื่อพิสูจน์ถึงความทุ่มเทในการทำหน้าที่ของคุณ คุณก็รักษางานนี้ไว้ได้

2. คิดถึงทีมเวิร์ก การที่คุณยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือในการทำงานร่วมกับผู้อื่นนั้นเป็นการสั่งสมประสบการณ์และการเปิดรับโอกาส ซึ่งช่วยให้คุณกลายเป็นคนสำคัญที่ทีมงานขาดไม่ได้

3. ขยายทักษะของตัวเอง ทีมเวิร์กก็มีส่วน แต่ในบางครั้งก็อาจทำให้คุณไม่ได้แสดงความสามารถมากพอ คุณจึงจำเป็นต้องดึงทักษะของตัวเอง มาใช้ด้วยเพื่อจะได้มีทางเลือกมากขึ้น และยังเป็นการแสดงให้บริษัทเห็นว่าคุณพัฒนาตัวเองในการทำงานเสมอ

4. ตีสนิทกับลูกค้า ยิ่งคุณสนิทสนมกับลูกค้าด้วยการบริการที่น่าประทับใจมากเท่าไหร่ งานของคุณก็ยิ่งไปได้สวยเมื่อคุณได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า

5. มีความคิดสร้างสรรค์ กลยุทธ์ และตระหนักในหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นงานอะไร คุณก็สามารถประยุกต์ 3 สิ่งนี้เข้ากับงานของคุณร่วมกับความเข้าใจในกฎเกณฑ์สังคมได้ แล้วชีวิตการทำงานของคุณก็จะเป็นไปอย่างราบรื่น

6. คิดถึงองค์กรคุณภาพ หากคุณคิดจะเปลี่ยนงาน แน่นอนว่าคุณควรคิดถึงบริษัทที่จะทำให้คุณมีประสบการณ์ทำงานที่ดีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเดิม โดยเฉพาะบริษัทที่มีจุดเด่นในด้านการพัฒนาองค์กร เพราะความสามารถของคุณจะมีความจำเป็นอย่างมาก ซึ่งจะทำให้คุณได้ใช้ความสามารถอย่างเต็มที่


ขอบคุณข้อมูลจาก นิตยสารLISA


ธุรกิจ อารากอนเวิลด์54
ช่องทางสู่อิสระภาพทางการเงินและเวลา
ที่ทันสมัยที่สุด!!! ในเวลานี้...
เน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้ง ที่รวม3เทรนด์แห่งศตวรรษ เป็นหนึ่งเดียว..คลิ๊ก!!!




นิทานเซน : คนตาบอดกับโคมไฟ (การทำดีเพื่อส่วนรวมคือการทำดีเพื่อส่วนตัว)



นิทานเซน : คนตาบอดกับโคมไฟ (การทำดีเพื่อส่วนรวมคือการทำดีเพื่อส่วนตัว)

ยังมีตรอกสายหนึ่งที่ทั้งมืดทั้งแคบ ทั้งยังไม่มีดวงไฟส่องทางให้ความสว่างแม้แต่น้อย ดังนั้นเมื่อถึงยามค่ำคืน การเดินทางในตรอกแห่งนี้จึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก

คืนวันหนึ่ง มีพระรูปหนึ่งเดินผ่านเข้ามายังตรอกดังกล่าวเพื่อมุ่งหน้าไปยังอาราม ทว่าด้วยความที่ตรอกนี้มืดมิดกระทั่งนิ้วมือทั้งห้าของตนเองยังไม่อาจมองเห็นได้ เมื่อเดินไปเรื่อยๆ พระรูปนี้จึงทั้งเดินไปชนผู้อื่น และถูกผู้อื่นเดินมาชนไม่หยุดหย่อน สร้างความลำบากยิ่งนัก

ในตอนนั้นเอง มีคนผู้หนึ่งถือโคมไฟเดินเข้ามายังตรอกดังกล่าว พลันทำให้ในตรอกเกิดแสงสว่างขึ้นพอสมควร พระรูปนั้นได้ยินคนเดินผ่านทางกล่าวว่า "คนตาบอดผู้นั้นช่างแปลกนัก ตนเองมองไม่เห็นแท้ๆ ใยต้องถือโคมไฟให้วุ่นวาย" เมื่อพระได้ยินก็รู้สึกแปลกใจ รอจนกระทั้งคนตาบอดถือโคมไฟคนนั้นเดินผ่านมา จึงเอ่ยถามขึ้นว่า "ขออภัย ท่านตาบอดจริงๆ หรือ?"

คนผู้นั้นตอบว่า "ถูกแล้ว ข้าเกิดมาก็พิการ ตาสองข้างมองไม่เห็น สำหรับข้านั้นไม่ว่าจะยามเช้าสายบ่ายเย็นล้วนไม่ต่างกัน ทั้งยังไม่ทราบว่าแสงสว่างหน้าตาเป็นเช่นไร"

พระได้ยินดังนั้นก็ยิ่งงุนงงมากขึ้น เอ่ยถามต่อไปว่า "เช่นนั้นท่านจะถือโคมไฟไปเพื่ออะไร?"

คนตาบอดตอบว่า "เนื่องเพราะข้าเคยได้ยินคนพูดกันว่าในยามกลางคืนไร้แสงสว่าง คนตาดีทั้งหลายก็เป็นเช่นเดียวกับข้าคือมองไม่เห็นสิ่งใด ดังนั้นข้าจึงถือโคมไฟไปไหนมาไหนเสมอ"

พระได้ยินดังนั้นก็เกิดความซาบซึ้งใจ เอ่ยคำ อมิตาพุทธออกมา และกล่าวต่อไปว่า "ท่านช่างมีเมตตาธรรม ห่วงใยเพื่อนมนุษย์"

มิคาดคนตาบอดกลับกล่าวว่า "ผิดแล้ว ข้าทำไปเพื่อตัวเอง"

"ทำเพื่อตัวเองอย่างไร?" พระถามต่อด้วยความสงสัยใจ

คนตาบอดอธิบายว่า เมื่อครู่ท่านเดินอย่างมืดมนในตรอกใช่โดนคนเดินสวนไปมาชนเอาหรือไม่ ท่านดูข้าเองนั้นแม้เป็นคนตาบอด แต่ข้าไม่โดนผู้อื่นเดินชนเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนข้าก็เป็นเช่นเดียวกับท่านคือโดนคนเดินมาชนเอาบ่อยครั้ง แต่เมื่อข้าถือโคมไฟทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ที่ข้าจุดโคมไปไหนมาไหนด้วยนั้นข้าจุดเพื่อให้แสงสว่างกับผู้อื่น และเพื่อให้ผู้อื่นมองเห็นตัวข้า ตังแต่นั้นมาข้าก็ไม่โดนผู้ใดเดินชนอีกเลย

ปัญญาเซน : การช่วยเหลือผู้อื่น ประโยชน์สูงสุดล้วนกลับคืนมาสู่ผู้ให้



ธุรกิจ อารากอนเวิลด์54
ช่องทางสู่อิสระภาพทางการเงินและเวลา
ที่ทันสมัยที่สุด!!! ในเวลานี้...
เน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้ง ที่รวม3เทรนด์แห่งศตวรรษ เป็นหนึ่งเดียว..คลิ๊ก!!!




วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2554

งักปุ๊กคุ้ง วิญญูชนจอมปลอม




งักปุ๊กคุ้ง เป็นตัวละครในเรื่อง กระบี่เย้ยยุทธจักร เขาเป็นปรมาจารย์ยุทธแห่งหัวซาน ซึ่งเป็นอาจารย์ของเหล็งฮู้ชง โดยมีฉายาว่า กระบี่วิญญูชน มีความมักใหญ่ใฝ่สูงจนน่ากลัว และ ทำการใส่ร้ายป้ายสีเหล็งฮู้ชงเพื่อฝึกเพลงกระบี่ปราบมาร

งักปุกคุ้ง แซ่งัก นามปุกคุ้ง เป็นเจ้าสำนักฮั้วซัว ผู้สืบทอดเพลงกระบี่และลมปราณเมฆม่วงแห่งสำนักฮั้วซัว หนึ่งใน 5 สำนักกระบี่แห่งบู๊ลิ้ม ภาพภายนอกเป็นผู้กล้าที่ได้ชื่อว่าเป็นจอมยุทธ์ผู้ทรงคุณธรรม เป็นเจ้าสำนักกระบี่อันเลื่องชื่อที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสำนักมาตรฐานของยุทธจักร จนได้รับฉายาจากบรรดาจอมยุทธ์ว่า “กระบี่วิญญูชน”แต่ในใจนั้นทั้งอำหิตและโสมม เก่งในทางสร้างภาพ

งักปุกคุ้ง นอกจากจะเป็นเจ้าสำนักของยอดสำนักกระบี่แล้ว ในด้านของชาติพันธุ์ เจ้าตัวยังเชื่อมั่นด้วยว่า ต้นตระกูลงัก (หรือในภาษาจีนกลางคือแซ่เย่ว์ ) ของตนมีวีรบุรุษกู้ชาติอยู่หลายคน โดยหนึ่งในผู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดของตระกูลงักก็คือ ‘งักฮุย (เย่ว์เฟย) ’ ยอดขุนพลแห่งราชวงศ์ซ่งใต้ งักปุกคุ้งเชื่อมั่นใน ‘คุณธรรม’ ของตนจนถึงกับเดินทางรอนแรมพาเหล่าศิษย์ฮั้วซัวไปเคารพสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของงักฮุย



ธุรกิจ อารากอนเวิลด์54
ช่องทางสู่อิสระภาพทางการเงินและเวลา
ที่ทันสมัยที่สุด!!! ในเวลานี้...
เน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้ง ที่รวม3เทรนด์แห่งศตวรรษ เป็นหนึ่งเดียว..คลิ๊ก!!!


งักฮุย เทพเจ้าแห่งความจงรักภักดี






เยียะหว่างเมี่ยงหรือศาลเจ้างักฮุยเป็นสถานที่ฝังศพและสถานที่ระลึกถึงจอมทัพผู้เกรียงไกรที่รักษาเกียรติยิ่งชีวิตของตนผู้หนึ่งในสมัยราชวงศ์ซ่งใต้ประมาณ 950 ปีก่อน งักฮุยเป็นลูกกำพร้าพ่อ เนื่องในคราวเกิดอุทกภัยพ่อจับแม่ที่กำลังอุ้มงักฮุยในอกใส่ตุ่มเมื่อเกิดน้ำท่วม พ่อถูกกระแสน้ำอันเชี่ยวกรากพัดไปจนเสียชีวิต ตุ่มที่ใส่แม่และงักฮุยลอยไปติดเมืองหนึ่งหลังจากน้ำลดลงและแล้วแม่ก็เลี้ยงลูกจนโต งักฮุยได้รับการอบรมจากแม่และอาจารย์เป็นอย่างดี จึงเข้ารับราชการทหาร เนื่องด้วยสมัยนั้นชนเผ่าเหลียวและจินบุกรุกฮั่น จนต้องย้ายราชานีมาตั้งอยู่ที่หางโจวและตั้งชื่อเมืองหลวงใหม่หลินอานงักฮุยเป็นจอมทัพที่มีความสามารถและจงรักภักดีต่อชาติ ต่อต้านข้าศึกอย่างกล้าหาญ แต่เนื่องจากฮ่องเต้และมหาอุปราชฉินไคว่ขี้ขลาดยอมจำนนและใช้อำนาจสูงสุด 12 ป้ายทอง เรียกตัวงักฮุยกลับจากสนามรบและใส่ร้ายนานาชนิดโดยใช่เหตุ และแล้วก็หาเรื่องประหารงักฮุยและลูกอายุ 17 ปีจนเสียชีวิต ชาวบ้านผู้หนึ่งนำศพของงักฮุยฝังและทำตำหนิไว้ พร้อมทั้งสร้างสถานฝังศพหลายแห่งและบอกลูกว่าเมื่อไรมีฮ่องเต้ที่ดี จึงบอกหลุมฝังศพจริงให้ทราบ หลังจากพระเจ้าเกาจงฮ่องเต้ จ้าวโกวสิ้นพระชนม์ พระเจ้าเสี้ยจงฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์ มีนโยบายที่ค่อนข้างเอาใจประชาชนและราชการแผ่นดิน จึงเปิดเผยที่ฝังศพอันแท้จริงของงักฮุย พระเจ้าเกาจงขอให้ย้ายศพของงักฮุยผู้รักชาติมาฝังริมทะเลสาบอย่างสมเกียรติแบบเจ้าเมือง และหล่อรูปเหล็กของกังฉินไคว่และเมียพร้อมทั้งผู้เกี่ยวข้องที่ใส่ร้ายงักฮุยคนให้คุกเข่าหน้าสุสานของงักฮุยและเยียะหยุนและประตูทางเข้าหลังกังฉินมีกลอนคู่เขียนว่าธรณีมีโชคที่ฝังศพผู้จงรักภักดี เหล็กบริสุทธิ์เสียดายที่เอามาปั้น คนสารเลว คนหางโจวก็ยังไม่หายแค้นกับผู้ที่เลวร้ายต่อแผ่นดิน จึงนำเอาแป้งหมี่ปั้นเป็นคน 2 คน เอามาผูกให้ติดกัน นำมันให้สะใจ ถึงกระนั้นก็ยังไม่หายแค้นยังเอามันมาเคี้ยวกิน เพระชื่อฉินไคว่ก็อ่านว่า คุ่ยจึงว่าน้ำมันทอดฉินคุ่ยเดี๋ยวนี้คนไทยเรามักจะเรียกกันผิดฯถูกฯปาท่องโก๋ นั้นคือคำแปลของขนมจิ้มน้ำตาลทรายขาวปาถ่องโก้ว





VIVA plus (วีว่า พลัส) น้ำองุ่นสกัดเข้มข้น คุณค่าดื่ม 1 ออนซ์=ไวน์แดง 15 ขวด ค่าการต้านอนุมูลอิสระ orac score สูงที่สุดในโลก 244,050 รับรองโดย แล็บ Brunswick หน่วยงานในสังกัดของ คณะแพทย์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด โด่งดังจากคลิป โดมกินวิตามิน ในyoutube


วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2554

Leadership Gold : ผู้นำมือทอง




Leadership Gold : ผู้นำมือทอง


บทความที่นำเสนอสรุปประเด็นจากหนังสือเรื่อง Leadership Gold: Lessons I've Learned from a Lifetime of Leading แต่งโดย John C. Maxwell ผู้แต่งได้นำเสนอวิธีการปฏิบัติตัวและแนวคิดที่ผู้นำพึงจะมี

มีใจความสำคัญดังต่อไปนี้

1. ผู้นำที่ดีต้องรู้จักบริหารจิตใจตนเอง ในที่นี้คือ

- มีความอ่อนน้อมถ่อมตน พูดจาสุภาพ มีบุคลิกที่น่าเชื่อถือและเป็นมิตร น่าเคารพ รู้จักผิดชอบชั่วดี มีความยุติธรรม รู้จักรักษาคำพูด ไม่อวดเบ่งหรือบ้าอำนาจ ผู้นำที่ดีไม่จำเป็นต้องแสดงอำนาจให้ลูกน้องเคารพยำเกรง เพราะถ้าลูกน้องเกิดความหวาดกลัว เขาจะไม่กล้าบอกข้อมูลหรือเสนอความคิดเห็นใด ๆ ซึ่งอาจทำให้เราพลาดข้อมูลที่ดีที่สุดไป เพราะผู้แต่งเชื่อว่าลูกน้องเป็นแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าที่ดีที่สุดโดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกน้องที่ต้องพบปะลูกค้าโดยตรง

- พยายามทำในสิ่งที่ถูกต้อง และอย่าทำในสิ่งที่เราจะต้องเสียใจในภายหลังเช่น การระเบิดอารมณ์ใส่ลูกน้องเพียงเพื่อระบายความเคร่งเครียดและอึดอัด

- มีความอดทนอดกลั้น หัวหน้าที่ดีจะต้องรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเราเช่น ในการสั่งงานจะต้องรู้จักมองดูสถานการณ์ที่เป็นอยู่ มองดูลูกน้องว่าตามทันและเข้าใจในสิ่งที่เราอธิบายหรือไม่ และรู้จักมองกลับว่าวิธีการที่เรามอบหมายงานนั้นมันถูกต้องและเหมาะสมแล้วหรือ และถ้าเราเป็นเขา เราจะทำได้ไหมในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เป็นต้น นอกจากนั้น ผู้นำที่ดีจะต้องเปิดใจยอมรับฟังความคิดเห็นและคำวิพากษ์วิจารณ์จากผู้อื่นด้วย

- รับผิดชอบในการกระทำและการตัดสินใจของตนเองเช่น ในกรณีที่มีความผิดพลาดเกิดขึ้น ผู้นำที่ดีจะต้องรับผิดชอบทุกอย่าง แม้ว่าความผิดพลาดดังกล่าวจะเกิดจากลูกน้องก็ตาม เพราะความผิดพลาดของลูกน้องก็คือ ความผิดพลาดของตัวผู้นำเองที่มองไม่ออกว่า ควรเลือกลูกน้องคนใดมารับผิดชอบงานดังกล่าว หรือในกรณีที่ไม่มีลูกน้องให้เลือกมากนัก ทำให้จำเป็นต้องมอบหมายงานให้บุคคลดังกล่าว ผู้นำเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะใช้ข้อจำกัดนี้เพื่อปัดความรับผิดชอบ เพราะตัวผู้นำเองย่อมมีสิทธิที่จะติดตามงานที่มอบหมายไปแล้วได้ตลอดเวลา เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้น

- รู้จักตนเองอย่างถ่องแท้ รู้จุดอ่อนจุดแข็งของตนเองและองค์กร


2. วิธีการวิเคราะห์ประสิทธิภาพในการทำงานของหัวหน้า

วิธีนี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์ประสิทธิภาพในการทำงานของตนเองในฐานะที่เป็นหัวหน้าได้ด้วย วิธีการดังกล่าวมีดังนี้

- สังเกตว่าลูกน้องมีความสามัคคี ปรองดอง ช่วยเหลือเกื้อกูลกันหรือไม่ หรือทะเลาะเบาะแว้งปัดแข้งปัดขากันไม่เว้นแต่ละวัน ผู้แต่งกล่าวว่า ถ้าเป็นอย่างในกรณีที่สองแสดงว่า หัวหน้ามีการบริหารที่ผิดพลาดเกิดขึ้นแล้ว

- เมื่อหัวหน้าสั่งงานแล้ว ลูกน้องทำตามหรือไม่ ถ้าไม่ทำตาม แสดงว่าเริ่มมีบางอย่างที่ผิดปกติเกิดขึ้นเช่น หัวหน้าอาจจะเลือกใช้คนผิด กลยุทธที่มอบหมายให้ลูกน้องอาจนำไปใช้ไม่ได้ในสถานการณ์จริง หรือหัวหน้าไม่มีการตามงานอย่างจริงจัง เป็นต้น

- ลูกน้องมีการเปลี่ยนแปลงทัศนคติไปตามที่เราต้องการหรือไม่เช่น ถ้าองค์กรเน้นการทำงานเป็นทีม ลูกน้องก็ต้องมีการพัฒนาเป็นไปตามแนวทางดังกล่าวด้วย

- ลูกน้องมีการพัฒนาทางด้านสติปัญญาและทางด้านคุณธรรมหรือไม่ ในที่นี้คือ ลูกน้องเก่งขึ้นและเป็นคนดีขึ้นหรือไม่ เพราะผู้แต่งเชื่อว่า การสกัดกั้นลูกน้องจากการคดโกงและฉ้อฉลนั้น นอกจากจะใช้วิธีการวางระเบียบและข้อบังคับในองค์กรให้รัดกุมและง่ายต่อการตรวจสอบแล้ว การพยายามปลูกฝังคุณธรรมและพัฒนาคุณภาพจิตใจของลูกน้องให้รู้จักผิดชอบชั่วดีก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ผู้นำจะต้องให้ความสำคัญ และสิ่งนี้ยังใช้เป็นตัวชี้วัดคุณภาพในการบริหารงานของผู้นำได้อีกด้วยเช่น ถ้าผู้นำยิ่งบริหารแล้วลูกน้องยิ่งโกงกันมากขึ้น แสดงว่าตัวหัวหน้ามีความไม่ชอบมาพากล หรือไม่ก็มีความสามารถไม่พอที่จะจูงใจให้ลูกน้องมีความรักในองค์กรรักในอาชีพที่ตนเองทำ


3. เป็นผู้ฟังที่ดี

การเป็นผู้ฟังที่ดีนอกจากจะแสดงถึงการให้เกียรติอีกฝ่ายแล้ว การฟังยังช่วยให้เราได้รับข้อมูลอย่างครบถ้วน ซึ่งสามารถนำไปช่วยในการบริหารงานได้เป็นอย่างดี เพราะการจะบริหารงานให้ประสบความสำเร็จนั้นต้องอาศัยข้อมูลจากตำราเกี่ยวการบริหารจัดการ ประสบการณ์จริงในการทำงาน และความร่วมมือที่ดีจากเพื่อนร่วมงาน


4. ทำงานในสิ่งที่เรารักและมีความถนัด

สิ่งที่จะบอกได้ว่า เราได้ทำงานในสิ่งที่เราชอบและมีความถนัดหรือไม่คือ เราจะต้องมีความสุข ไม่เหนื่อย และไม่รู้สึกว่าเรากำลังทำงานอยู่


5. รู้จักมองหาจุดแข็งของลูกน้อง

ผู้นำที่ดีจะต้องรู้จักพัฒนาจุดแข็งของลูกน้องเพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่องค์กร ส่วนจุดอ่อนของลูกน้องนั้น ผู้นำที่ดีจะต้องคอยตักเตือนและแนะนำไม่ให้ลูกน้องเพลี่ยงพล้ำหรือทำผิดพลาดเพราะจุดอ่อนดังกล่าวเช่น ลูกน้องที่มีความสามารถในการทำงานดีเยี่ยมแต่มีมนุษย์สัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานติดลบ ในฐานะหัวหน้า เราจะต้องชี้ให้ลูกน้องเห็นถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้นจากลักษณะนิสัยดังกล่าว เป็นต้น ผู้แต่งได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการเลือกที่จะมอบหมายงานให้ลูกน้องนั้นนอกจากจะดูที่จุดอ่อนและจุดแข็งของลูกน้องให้เหมาะสมกับงานแล้ว หัวหน้าจะต้องดูที่ความมุ่งมั่น ตั้งใจ และความสมัครใจในการทำงานนั้น ๆ ของลูกน้องด้วย เพราะถึงแม้ว่าลูกน้องจะเก่งแค่ไหน แต่ถ้าใจเขาไม่อยากทำ งานทุกอย่างจะล้มระเนระนาดอย่างไม่เป็นท่า หรือไม่ก็ไม่มีความก้าวหน้าใด ๆ ทำให้เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์

อย่างไรก็ตาม ถ้าตัวเราเองถูกบังคับให้ทำงานที่ตัวเองไม่ชอบหรือไม่ถนัด ถ้าเลือกไม่ได้จริง ๆ

เราก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะปล่อยให้หายนะเกิดขึ้นโดยไม่สนใจใด ๆ เพราะถือว่าเป็นความรับผิดชอบของหัวหน้าที่ยัดเยียดให้เราทำงานชิ้นนี้เอง บุคคลที่คิดเช่นนี้จะไต่เต้าขึ้นเป็นผู้นำไม่ได้ เพราะจิตใจคอยแต่จะปัดความรับผิดชอบให้ผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา ผู้แต่งจึงแนะนำว่า ถ้าเราต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่บีบบังคับเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ เราควรเปลี่ยนแนวคิดเสียใหม่ว่า เมื่อรับงานมาแล้วเราต้องทำอย่างสุดความสามารถ และตระหนักถึงข้อจำกัดของตัวเอง สิ่งไหนทำไม่ได้จริง ๆ ก็ต้องหาคนช่วยเช่นปรึกษาหัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงาน อย่ากลัวเสียหน้าเพราะงานเป็นเรื่องของส่วนรวม จงอย่าเอาความเป็นตัวกูของกูมาทำลายความก้าวหน้าขององค์กร


6. มีความสามารถในการจัดการประชุม ในที่นี้

6.1 ผู้นำที่ดีจะต้องชี้แจงให้ลูกน้องทราบก่อน ดังนี้
- หากจะเสนอความคิดเห็นหรือแผนงานใด ๆ จะต้องมีการพูดคุยกันนอกรอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงความเป็นไปได้ในสิ่งที่จะเสนอเสียก่อนที่จะเข้าประชุม

- วาระการประชุมแต่ละครั้งคืออะไร ประชุมไปเพื่ออะไร และเราจะได้อะไรบ้างจากการประชุมครั้งนี้

6.2 ผู้นำที่ดีจะต้องสามารถจับประเด็นและสรุปได้อย่างชัดเจนเป็นข้อ ๆ ในระยะเวลาไม่นานนัก และต้องรู้จักสะกัดกั้นลูกน้องพวกวิตกจริตที่ชอบพูดนอกประเด็นหรือเน้นแต่เรื่องปัญหามากจนเกินไป ทำให้การประชุมยืดเย้อเสียเวลาในการทำงาน

6.3 ผู้นำที่ดีจะต้องหมั่นตามงาน อย่าคิดว่าสั่งแล้วลูกน้องจะต้องทำได้ เสมอไป เพราะบางครั้งลูกน้องเองก็ไม่รู้ว่า เขาทำผิดตรงไหนและควรแก้ไขอย่างไร และข้อดีของการตามงานคือ ช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากรในการตามแก้ไขงานหากมีความผิดพลาดเกิดขึ้น

6.4 ผู้นำที่ดีจะต้องสามารถสร้างบรรยากาศในการทำงานเป็นทีมให้เกิดขึ้นในที่ประชุมให้ได้


บทความโดย
ดร.บุญชัย โกศลธนากุล



ธุรกิจ อารากอนเวิลด์54
ช่องทางสู่อิสระภาพทางการเงินและเวลา
ที่ทันสมัยที่สุด!!! ในเวลานี้...
เน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้ง ที่รวม3เทรนด์แห่งศตวรรษ เป็นหนึ่งเดียว..คลิ๊ก!!!





ปลุกพลังแห่งความรู้สึกเพื่อเป็นนายเหนือความคิด




ปลุกพลังแห่งความรู้สึกเพื่อเป็นนายเหนือความคิด

บทความนี้สรุปประเด็นจากหนังสือเรื่อง Intuition แต่งโดย Osho ผู้แต่งได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน1,000 บุคคลสำคัญของโลก ผู้กำหนดแนวคิดแก่มหาชนในช่วงศตวรรษที่ 20 และยังได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในสิบบุคคลสำคัญระดับโลกในกลุ่มของมหาตมะคานธี เนรู และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้ว่าผู้แต่งจะเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่ปี 1990 คำสอนของท่านก็ยังถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกจวบจนถึงปัจจุบัน ผู้แต่งเชื่อว่า ลำพังพลังแห่งความคิดอย่างเดียวไม่สามารถทำให้เรามีความสุขและประสบความสำเร็จได้ จำเป็นต้องอาศัยความรู้สึกซึ่งเป็นการแสดงออกของพลังจิตเป็นตัวช่วยนำทางชีวิตและกลั่นกรองความคิดให้เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง ผู้แต่งได้อธิบายถึงพลังแห่งความรู้สึกดังกล่าว มีใจความสำคัญ ดังต่อไปนี้


มนุษย์เราทุกคนมีองค์ประกอบพื้นฐานที่สำคัญ 3 ประการด้วยกันคือ


1) ใจ เป็นตัวก่อให้เกิดพลังแห่งความรู้สึก
ความรู้สึกเกิดจากการทำงานของสมองข้างขวาซึ่งเป็นประตูไปสู่พลังจิต พลังนี้จะช่วยบอกเราว่าสิ่งไหนใช่หรือไม่ใช่ สิ่งไหนควรทำหรือไม่ควรทำ เราจะมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และรู้จักคิดนอกกรอบ

2) สมอง เป็นตัวก่อให้เกิดพลังแห่งความคิดความคิดเกิดจากการทำงานของสมองข้างซ้ายซึ่งส่งผลให้เราคิดอย่างมีเหตุมีผลตามข้อมูลหรือความเชื่อที่เราได้รับการอบรมสั่งสอน จากการศึกษาเล่าเรียน จากประสบการณ์ในอดีต และจากค่านิยมของสังคม ระบบความคิดจึงมีข้อจำกัดเมื่อใดก็ตามที่เราประสบกับสิ่งที่นอกเหนือสิ่งที่เรารู้มา เราจะงุนงงและสับสน คิดเท่าไรก็คิดไม่ออกหรือไม่ก็คิดผิดทำผิดเรื่อยไป

3) ร่างกาย เป็นตัวก่อให้เกิดสัญชาตญาณ สัญชาตญาณคือการทำงานตามธรรมชาติของมนุษย์เช่น การเต้นของหัวใจ การย่อยอาหาร และการไหลเวียนโลหิต เป็นต้น สัญชาตญาณทำงานอย่างซื่อสัตย์และเที่ยงตรงแต่มนุษย์มักใช้พลังแห่งความคิดทำลายระบบการทำงานของร่างกายโดยที่เราไม่รู้ตัวเช่น เมื่อถึงเวลาที่ต้องพักผ่อนก็ไม่ยอมนอนแต่กลับกินกาแฟแทน เพราะคิดว่าไม่เป็นไรแต่ในระยะยาวสุขภาพก็จะเสื่อมโทรม เป็นต้น


ลักษณะของความคิด
ความคิดจะมีการตีความเป็นสองลักษณะตรงข้ามกันเช่น ถูก-ผิด ดี-ชั่ว ชอบ-ไม่ชอบ สวย-ไม่สวย เป็นต้น ความคิดจะเกิดขึ้นตลอดเวลาและมักเป็นไปในแง่ลบ ความคิดจะวิ่งสลับไปมาระหว่างเรื่องในอดีตและเรื่องในอนาคต ถ้าเราเชื่อความคิดเราจะมีแต่ความทุกข์เพราะจิตจะไม่ว่าง คอยครุ่นคิดถึงเรื่องอดีตซึ่งมักเป็นเรื่องในแง่ลบหรือกังวลถึงเรื่องในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง


ลักษณะของความรู้สึก
พลังแห่งความรู้สึกมีลักษณะคือ สงบ ว่องไว รวดเร็ว และเบิกบาน มีแต่การรับรู้สิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่มีการเติมสีปรุงแต่ง ไม่มีความสงสัย ไม่มีความคิด ไม่มีการตัดสินว่าถูกหรือผิด ความรู้สึกจะเกิด ณ เวลาปัจจุบัน


คุณประโยชน์ของพลังแห่งความรู้สึก
1. เป็นเข็มทิศช่วยนำทางชีวิต ทำให้เรารู้จักตนเองอย่างถ่องแท้ รู้ว่าเราเกิดมาทำไมและควรจะทำอะไรต่อไปในชีวิต
2. ช่วยให้เรามีความสุข
3. ช่วยให้เราอ่านคนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
4. รู้ผิดชอบชั่วดี รู้เหตุ รู้ผล รู้ตน รู้ประมาณ รู้เวลา รู้สถานที่และรู้บุคคล


วิธีสร้างพลังแห่งความรู้สึก

1. เห็นโทษของความคิดว่ามันไม่ได้ช่วยให้เรามีความสุขหรือเจริญรุ่งเรืองเท่าไรนัก

- พยายามกำจัดความคิดที่ผิดออกจากใจเช่น หยุดเปรียบเทียบ หยุดจับผิด หยุดอิจฉาริษยา หรือลอกเลียนแบบผู้อื่น เราก็เป็นเรา เค้าก็เป็นเค้า หากเราอยากเป็นอะไรก็จงสร้างเหตุปัจจัยขึ้นมา

- ทิ้งระบบความเชื่อต่าง ๆ ที่ถูกสั่งสอนมาทั้งหมด ทำใจสบาย ๆ ทำใจให้เหมือนเด็ก

- อยู่กับปัจจุบัน อดีตที่ผ่านไปแล้วให้มันจบไปและอย่าคิดเกินหรือเป็นกังวลถึงอนาคตจนเกินเหตุ

2. ฝึกสร้างความรู้สึก

- หยุดคิด หยุดหาเหตุหาผล รับรู้และไม่คิดต่อ และพยายามรู้สึกในทุกอิริยาบถ รู้เนื้อรู้ตัว ตั้งใจมอง ตั้งใจฟัง ตั้งใจพูด

- หัดมองและหัดฟังมากกว่าหัดพูดหัดคิด

- หัดถามความรู้สึกตัวเองบ่อย ๆ ว่ากำลังรู้สึกอย่างไร

3. ทำความสงบด้วยวิธีอะไรก็ได้เช่น สวดมนต์หรือทำสมาธิ ในระหว่างที่ทำเราจะต้องมีความรู้เนื้อรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา

4. ฝึกประสาทสัมผัสทั้งห้าและทำความรู้สึกถึงกล้ามเนื้อและกระดูก เมื่อร่างกายมีการขยับหรือสัมผัสสิ่งต่าง ๆ ในทุกอิริยาบถ

5. หาเวลาไปสัมผัสธรรมชาติ หัดมองสุมทุมพุ่มไม้และสิ่งแวดล้อมรอบตัวบ้าง

6. ฝึกทำตัวเป็นคนดี พูดดี ทำดี คิดดี เห็นอกเห็นใจและมีน้ำใจต่อผู้อื่น

7. หัดปล่อยวาง อย่าบังคับตัวเองมากนัก ทำทุกอย่างให้อยู่ในทางสายกลาง เลิกเก็บกดเมื่อรู้สึกอย่างไรก็ยอมรับและรับรู้ตามความเป็นจริง สบาย ๆ แต่มีความรู้เนื้อรู้ตัวอยู่ทุกขณะจิต

8. สร้างระบบความคิดที่ถูกต้องในจิตใจ

- ตั้งจิตว่าเกิดมาแล้วต้องมีความสุข ความสุขที่เกิดจากข้างในจากสภาวะจิตที่สงบ เบาสบาย และเยือกเย็นนั้น เราสามารถสร้างขึ้นได้ด้วยตัวเอง การรอคอยความสุขจากวัตถุสิ่งของภายนอกหรือจากบุคคลอื่น เช่น ฉันจะมีความสุขถ้าฉันมีบ้านมีรถหรือได้ในสิ่งที่ฉันต้องการ ฉันจะมีความสุขถ้าฉันมีเจ้านายที่ดีกว่านี้ หรือฉันจะไม่มีความสุขถ้าคนรอบข้างฉันยังไม่ประสบความสำเร็จ การคิดเช่นนี้เป็นความคิดที่ผิดเพราะเรากำลังจะฝากความสุขฝากชีวิตของเราไว้กับปัจจัยภายนอกที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ยิ่งไปกว่านั้น บางครั้งสิ่งที่เราปรารถนา มันอาจจะไม่ได้ทำให้เรามีความสุขอย่างที่เราหวังก็ได้

- พยายามขจัดความเป็นตัวกูของกูซึ่งแสดงให้เห็นได้จากความโกรธ ความขุ่นเคืองใจ ความอาฆาตพยาบาท ความอยากมีอยากเป็นอยากได้ ความเบื่อหน่ายเซ็งชีวิต เป็นต้น

- โลภโมโทสันให้น้อยลง พอใจในสิ่งที่ตนมี

- เจริญเมตตา จิตที่เมตตาจะเบิกบาน ผ่องใสและว่องไว ทำให้สร้างพลังแห่งความรู้สึกได้ ง่าย

- พยายามรักษาศีลห้าให้บริสุทธิ์ การทำผิดศีลธรรมจะทำให้สติแตกสมาธิกระเจิง ความรู้สึกก็ย่อมจะไม่เกิด

- หัดเจริญมรณานุสติ ไม่มีใครรู้ว่าเราจะต้องจากโลกนี้ไปเมื่อไร ฉะนั้น เราควรรีบทำในสิ่งที่เป็นเป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น สิ่งที่ไม่จำเป็นและไร้สาระก็ให้ปล่อยวางเสีย


บทความโดย
ดร.บุญชัย โกศลธนากุล



ธุรกิจ อารากอนเวิลด์54
ช่องทางสู่อิสระภาพทางการเงินและเวลา
ที่ทันสมัยที่สุด!!! ในเวลานี้...
เน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้ง ที่รวม3เทรนด์แห่งศตวรรษ เป็นหนึ่งเดียว..คลิ๊ก!!!




ทางลัดการสร้างความฉลาดด้วยการเรียนรู้ธรรมชาติ





ทางลัดการสร้างความฉลาดด้วยการเรียนรู้ธรรมชาติ


ความฉลาด เป็นความสามารถของสมองที่จะคิดเลือกสิ่งที่ดีแก่ตน ตอบสนองความต้องการพื้นฐาน ซึ่งเป็นธรรมชาติ คนเราเกิดมาแล้วสื่อสารกันด้วยสัญญลักษณ์ที่เรียกว่าภาษาเพื่ออธิบายหรือเล่าสิ่งต่างๆให้ผู้อื่นเข้าใจ ภาษา คำศัพท์ต่างๆเป็นสัญลักษณ์แทนสิ่งต่างๆทางธรรมชาติ การเข้าใจ จำได้จากภาษาที่ใช้แทนสิ่งที่เป็นธรรมชาติ
การสร้างความฉลาดซึ่งเป็นธรรมชาติ เข้าใจธรรมชาติซึ่งเป็นจริงยิ่งกว่าคำอธิบายทางภาษา เช่น คำศัพท์ก้อนหิน แทนวัตถุที่แข็งมีน้ำหนักมาก เมื่อได้เห็นของจริงรับรู้และสัมผัสกับความจริงของสิ่งที่เรียกว่าก้อนหิน คนจะเข้าใจได้ดีกว่าการอธิบายด้วยคำศัพท์ทางภาษา หรือคำว่าความสุข อธิบายอย่างไร ก็ไม่ชัดเจนเท่ากับผู้ที่ได้รับรู้ความสุข(ความสมหวังตามต้องการ) ดังนั้นความฉลาดหรือฉลาดอย่างมาก (อัจฉริย)จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อเป็นผู้ฉลาดเอง ซึ่งไม่ถูกจำกัดด้วยคำศัพท์ทางภาษาที่ใช้สื่อสาร ซึ่งมีคำศัพท์ที่สร้างขึ้นมากมายเมื่อมีการค้นพบสิ่งต่างๆทางธรรมชาติมากขึ้น

การเรียนรู้ทางธรรมชาติ เกิดศาสนาคำสอนใหม่ที่เรียกว่าวิทยาศาสตร์ ค้นหาความจริงจากธรรมชาติ และมีกระบวนการที่ซับซ้อนวุ่นวายในการอธิบายสิ่งต่างๆที่เป็นธรรมชาติ ที่จริงวิทยาศาสตร์ยังล้าหลังศาสนาต่างๆอย่างมากโดยเฉพาะพุทธศาสนาคำสอนเพื่อความรู้ความจริงทางธรรมชาติ รวมทั้งการทำงานของร่างกายและจิตใจ เช่น กระบวนการทำงานของสมอง สิ่งกระตุ้นภายนอกหรือภายใน ตัวรับความรู้สึก การนำสัญญาณประสาทเข้าสู่สมอง การรับรู้ การคิด การจำ ความรู้สึกสุข ทุกข์หรือกลางๆ เกิดการตอบสนองด้วยการคิดการกระทำ หรือการพูด เช่นเมื่อมีรูปภาพ ตามองเห็นรูปภาพ ส่งสัญญาณประสาทเข้าสู่สมอง สมองรับรู้ว่ามีรูปภาพ คิดว่ารูปอะไร จำว่าเป็นรูปอะไร เกิดความรู้สึกไปตามสิ่งที่คิดว่าเป็นรูปนั้น รูปสวยพึงพอใจเกิดความสุข รูปน่ากลัวเกิดความทุกข์ ตอบสนองโดยเข้าไปดู เดินหนี หรือมองเฉยๆ เป็นต้น การเข้าใจกระบวนการทางธรรมชาติดังกล่าวทำให้เข้าใจวิธีจัดการกับปัญหาต่างๆที่เกิดจากการคิด การเข้าใจการคิด หรือรู้เหตุรู้ผลต่างๆ สามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ พุทธศาสนา คำสอนเพื่อความรู้เป้นวิทยาศาสตร์มานานมุ่งสอนคนให้ฉลาดมีความรู้เท่าทันความจริงทางธรรมชาติด้วยธรรมชาติ ต้องการให้ฉลาดพ้นทุกข์ สู่ความสุข หาเหตุที่ทำให้พ้นทุกข์ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บไม่ตาย เมื่อความจริงทางธรรมชาติมีเกิดก็ต้องมีทุกข์มีเจ็บมีตาย ถ้าไม่เกิดก็ไม่ตาย ทำอย่างไรจะไม่ต้องเกิดมาพบความทุกข์ที่เป็นจริงทางธรรมชาติหาทางพ้นทุกข์วิธีที่ไม่ต้องมาเกิดอีก หลุดพ้นทุกข์จากโลกหรือธรรมชาติอยู่เหนือโลกหรือธรรมชาติ โดยรู้ว่าคนเกิดมาจากความอยาก และความโง่ เมื่อฉลาดที่สุดก็จะหาวิธีไม่อยาก ทำให้เกิดความเบื่อหน่ายจากความเกิดเมื่อเห็นภัยของการเกิดมาพบความทุกข์

หรือพูดให้ง่ายตามวิธีของคนฉลาดอัจฉริย คือ ทำให้เห็นความจริงของภัยทางธรรมชาติเกิดแก่เจ็บตายทุกข์ เกิดความกลัว เกิดความเบื่อหน่าย ไม่อยากมาเกิด และกลับเข้าสู่ธรรมชาติที่เป็นความสุขสงบ มีคำศัพท์ที่เรียกความสุขที่แท้จริง เช่น นิพพาน ปราศจากความร้อน สิ่งเสียดแทง

การจะรู้จักคำดังกล่าวไม่สำคัญเท่ารับรู้ตามความเป็นจริง เช่นลองลิ้มรสของความสุขง่ายๆที่คล้ายนิพพาน เช่น เดินจากที่ร้อนไปสู่ที่เย็นสบาย ก็จะรู้ว่านิพพานเป็นอย่างไรความสุขจากการพ้นความร้อนพบความเย็น นิพพานของจริงเป็นความสุขแท้ถาวร ต่างจากความสุขทางโลกที่ลองให้รับรู้ง่ายๆด้วยวิธีดังกล่าว บางคนสอนว่าเหมือนไปสู่แดนสุขาวดีสร้างภาพต่างๆเป็นสถานที่ที่ดูน่าอยู่มีความสุขมากมายเพื่อเปรียบเทียบ เช่น นักบวชบางคนมัวแต่คิดว่าจะเป็นอรหันต์อย่างไรมัวแต่คิดวิธีต่างๆอยากเป็นอรหันต์ ก็เป็นไม่ได้สักที บางท่านเลิกคิดปล่อยวาง กำลังจะล้มตัวลงนอนพ้นจากสภาวการอยากเกิด เลยบรรลุอรหันต์(ปราศจากความอยาก ที่เรียกว่ากิเลส) ขณะที่ไม่ได้คิด เพียงเลิกคิด เลิกอยาก ไม่อยู่ในท่านั่ง ไม่อยู่ในท่านอน กำลังจะล้มตัวลงนอนปล่อยวางทุกอย่างก็เกิดความฉลาดคิดได้เป็นอัจฉริยเพียงการเลิกคิดเลิกนั่ง ปล่อยวางล้มตัวลงนอน
คิดได้โดยการเลิกคิด อัจฉริยด้วยการเลิกอยาก

ทางลัดสู่ความฉลาดไม่ได้มาด้วยกระบวนการวิธีที่วุ่นวายซับซ้อน ด้วยความจำด้วยความรู้ด้วยวิทยาศาสตร์ ด้วยวิธีฝึกสมองวิธีต่างๆ40วิธีที่พัฒนาคลื่นพลังสมอง และไม่ได้มาด้วยความอยาก

ความฉลาดเกิดขึ้นได้ง่ายดายด้วยการเข้าใจความจริงทางธรรมชาติ ไม่ยุ่งยาก รวดเร็ว เกิดตามธรรมชาติของเหตุที่ส่งผล เช่น ไม่อยากเกิด ก็ไม่ต้องเกิด หมดความทุกข์ พบบรมสุข

ที่จริงพระพุทธเจ้า อัจฉริยบุคคล สอนสิ่งที่ง่ายๆไม่ยาก สอนให้ฉลาดอย่างรวดเร็ว เป็นอิสระด้วยความฉลาด ไม่จำกัดเพศ ไม่จำกัดวัย เด็ก ผู้หญิง คนแก่ คนใกล้ตาย ไม่จำกัดสถานที่ ข้างถนน ในป่า ในวัด ในเมือง ไม่จำกัดเวลา เช้า สาย บ่ายเย็นกลางคืน ไม่จำกัดสภาวะชนชั้น วรรณะ คน เทวดา สิ่งที่ไม่มีกาย นักบวช ชาวบ้าน ไม่จำกัดด้วยเครื่องนุ่งห่ม ไม่แสวงหาผลประโยชน์ สอนฟรี เพราะท่านต้องการให้คนฉลาดพ้นทุกข์ คำสอนเรียบง่าย สอนได้ตรงตามสภาวะของผู้ที่จะสอน เช่น ขุนนางเมาเหล้าเสียใจที่นางระบำสวยๆตาย เกิดความทุกข์สร่างเมา ท่านสอนเพียงไม่กี่ประโยคก็พ้นทุกข์เกิดความฉลาดเป็นอรหันต์ทั้งที่ไม่ได้บวช เมื่อใดเข้าใจความจริงทางธรรมชาติคือมีดวงตาเห็นธรรม เลิกอยาก เลิกคิดมาเกิดก็พ้นทุกข์ไม่กลับมาเกิดให้เจอทุกข์ ท่านไม่เคยสอนอะไรที่ยากเช่นการกระทำก่อนที่ท่านจะเป็นอัจฉริยบุคคล ท่านสอนง่ายๆรวดเร็วเมื่อท่านฉลาดในเวลาเพียงข้ามคืน แม้แต่เด็กก็บรรลุอรหันต์ปราศจากความอยากได้ พบกับความบรมสุขจริง


คนเราที่เกิดมาควรพัฒนาสมองเพื่อให้บรรลุสภาวธรรมชาติ อัจฉริย ฉลาดอย่างแท้จริง และพ้นทุกข์สู่บรมสุขให้สมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์มีสมองที่ดี และไม่ควรไปเสียเวลากับวิธีที่ยุ่งยากซับซ้อน

ดังนั้นอาจสรุปวิธีการฝึกสมองเพื่ออัจฉริยที่ลัดสั้นเร็ว โดย กระบวนการทางธรรมชาติ ที่ไม่ยุ่งยาก พิจารณาให้เกิดความเข้าใจความจริงของเหตุผลทางธรรมชาติ แก้ไขที่เหตุก็ส่งผลให้เป็นไปตามต้องการ


ธุรกิจ อารากอนเวิลด์54
ช่องทางสู่อิสระภาพทางการเงินและเวลา
ที่ทันสมัยที่สุด!!! ในเวลานี้...
เน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้ง ที่รวม3เทรนด์แห่งศตวรรษ เป็นหนึ่งเดียว..คลิ๊ก!!!