คุณเป็นคนชอบ หวาน แค่ไหน?
ที่ถามอย่างนี้ เพราะว่าวันนี้เรามีเรื่องราวที่เกี่ยวกับความหวานมาพูดคุยกัน ซึ่งเกี่ยวข้องไปถึงสุขภาพของคุณๆ ทั้งหลายด้วย “โรคเบาหวาน (Diabetes)” คือหัวข้อหลักของเราในวันนี้…ทีนี้เริ่มแรก เราคงต้องมาทำความรู้จักกับโรคเบาหวานนี้เสียก่อนว่าเกิดจากอะไร
เชื่อว่ามีหลายๆ คนที่เข้าใจว่า เบาหวาน (Diabetes) เกิดจากการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลในปริมาณที่สูง ทำให้ร่างกายได้รับน้ำตาลเกินความต้องการ นั่นเป็นความเข้าใจที่ถูก แต่ก็ไม่ทั้งหมด โดยปกติแล้วในร่างกายของคนเรานั้น จะมีการผลิตฮอร์โมนชนิดหนึ่งจากบริเวณตับอ่อนชื่อว่า “ฮอร์โมนอินซูลิน (Hormone Insulin)” เจ้าฮอร์โมนตัวที่ว่านี้ จะเป็นตัวนำน้ำตาลเข้าสู่เซลล์ แต่หากว่า “ฮอร์โมนอินซูลิน (Hormone Insulin)” นั้นเกิดความผิดปกติ คุณก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวานมากเลยทีเดียว สาเหตุก็เพราะว่า มันจะทำให้คุณมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าคนปกติ ซึ่งน้ำตาลนี้จะถูกขับออกมาทางปัสสาวะ และหากคุณไปพบแพทย์ แล้วนำปัสสาวะไปตรวจ ผลที่ได้จะทำให้คุณทราบได้ทันทีว่าคุณเป็นเบาหวานหรือยัง ดังนั้น ชื่อ “โรคเบาหวาน (Diabetes)” นี้ ก็มาจากคำว่า “ถ่ายเบาที่หวาน” นั่นเอง
ทีนี้เราลองมาดูว่าการเกิดเบาหวานนั้นมาจากสาเหตุอะไรบ้าง!!!
สาเหตุที่ 1 เกิดจากการที่ระบบคุ้มกันของร่างกายเข้าไปทำลายเซลล์ตับอ่อนที่ทำหน้าที่ผลิตอินซูลิน
สาเหตุที่ 2 เกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินได้เอง ทำให้ไม่มีตัวที่จะนำน้ำตาลเข้าสู่เซลล์ได้
สาเหตุที่ 3 เกิดจากการที่ตับอ่อนผลิตอินซูลินออกมาได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้งานของร่างกาย แต่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเพราะเหตุใดจึงไม่สามารถผลิตให้เพียงพอได้
สาเหตุที่ 4 เกิดจากการรับประทานอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูง มีน้ำหนักตัวมาก และไม่ออกกำลังกาย
สาเหตุที่ 5 เกิดจากกรรมพันธุ์ (Heredity) ซึ่งหากในครอบครัวของคุณ มีคนที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานอยู่นั้น คุณก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ค่อนข้างสูง
สาเหตุที่ 6 สาเหตุนี้เป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ได้จากการศึกษาเพิ่มเติม คือ เกิดจากการที่ร่างกายขาตธาตุ “โครเมี่ยม (Chromium)” ซึ่งธาตุที่ว่านี้พบในอาหารได้น้อยมาก โดยในร่างกายของเราจะมีสารอยู่ชนิดหนึ่ง ชื่อ “จีทีเอฟ (GTF: Glucose Tolearnce Factor)” ซึ่งมีหน้าที่ในการทำงานร่วมกับอินซูลินในการนำน้ำตาลเข้าเซลล์ และสาร “จีทีเอฟ(GTF)” ที่ว่านี้ก็มี “โครเมี่ยม(Chromium)” เป็นส่วนประกอบ ดังนั้น การขาด “โครเมี่ยม (Chromium)” จึงทำให้ประสิทธิภาพของ “จีทีเอฟ(GTF)” ที่จะประสานกับอินซูลินในการรักษาระดับน้ำตาลในเลือดน้อยลง
ลักษณะอาการของเบาหวานมีดังนี้
ปัสสาวะมาก และบ่อยครั้ง เนื่องจากร่างกายได้รับน้ำตาลมากเกินไป จึงต้องมีการขับปัสสาวะ ทำให้ต้องปัสสาวะอยู่บ่อยๆ และครั้งละมากๆ
คอแห้ง ปากแห้ง กระหายน้ำ เพราะว่าน้ำในร่างกายถูกขับออกมาในปริมาณมากจากการปัสสาวะ
เหนื่อยง่าย ไม่ค่อยมีแรง แต่รับประทานอาหารบ่อย และจุ เนื่องจากการที่ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาล (กลูโคส) ที่เราบริโภคเข้าไปพร้อมกับอาหารมาเปลี่ยนเป็นพลังงานที่ร่างกายมีความต้องการใช้ได้ เพราะขาดตัวที่จะนำพาน้ำตาล (กลูโคส) เข้าสู่เซลล์
น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
ในสตรี อาจมีอาการคันบริเวณช่องคลอด หรือตกขาว
มีการติดเชื้อง่าย เช่นที่ผิวหนัง
เป็นแผลหายช้า
สายตาพร่ามัว
ซึ่งอาการต่างๆ เหล่านี้ จะทวีความรุนแรงและลุกลามมากขึ้นตามลำดับ หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธี เพราะว่าโรคเบาหวานเป็นโรคที่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่ายมาก
เป็นยังไงกันบ้าง…
ทุกคนคงเห็นพ้องต้องกันเลยใช่มั้ยว่า มันไม่เบา และไม่หวานเหมือนกับชื่อ ไม่ต้องกลัว เรามีวิธี!!! ซึ่งวิธีที่ว่านี้ก็คือ การเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ และหากมีลักษณะอาการที่น่าสงสัย หรือพบว่าตัวเองเป็นเบาหวานแน่นอน ให้รีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษา อีกวิธีหนึ่งที่สำคัญ อีกทั้งยังสะดวก ก็คือการเพิ่ม “โครเมี่ยม จีทีเอฟ (Chromium GTF)” ให้กับร่างกาย ก่อนอื่น มาทำความรู้จักกับ “โครเมี่ยม จีทีเอฟ (Chromium GTF)” เสียก่อนว่า คืออะไร
“โครเมี่ยม จีทีเอฟ (Chromium GTF)” เป็นตัวที่จะช่วยให้เซลล์ไม่ดื้อต่ออินซูลิน ช่วยให้อินซูลินพากลูโคส (น้ำตาล) เข้าสู่เซลล์ได้อย่างสมบูรณ์ ตับอ่อนจึงไม่ต้องผลิตอินซูลินเป็นจำนวนมากๆ อีกต่อไป “โครเมี่ยม(Chromium)” จัดเป็นแร่ธาตุที่จำเป็น แต่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ ซึ่งการจะได้รับ “โครเมี่ยม(Chromium)” นั้นมาจากการบริโภคอาหาร แต่ “โครเมี่ยม(Chromium)” ที่มีอยู่ในอาหารนั้นมีอยู่น้อย และจากผลสำรวจพบว่า 90% ขอคนทั่วไปขาดแร่ธาตุชนิดนี้ แล้วยิ่งในปัจจุบัน กรรมวิธีในการแปรรูปอาหารนั้นมีอยู่มากมาย ทำให้ “โครเมี่ยม(Chromium)” ที่มีอยู่เพียงน้อยนิดในอาหารก็ถูกทำลายไปด้วย นอกจากนี้ ในสภาวะที่มีมลพิษต่างๆ ก็ทำให้ร่างกายจำเป็นต้องใช้แร่ธาตุมากกว่าปกติ
“โครเมี่ยม (Chromium)” โดยปกติจะยังไม่ออกฤทธิ์ จะต้องรวมตัวกับกรดอะมิโน (Amino Acid) และวิตามิน บี 3 เพื่อให้เป็น “โครเมี่ยม จีทีเอฟ (Chromium GTF)” จึงจะมีผลดี หากคนที่ร่างกายทำงานไม่ดี ถึงแม้ว่าจะได้รับ
“โครเมี่ยม(Chromium)” แต่เปลี่ยนเป็น “โครเมี่ยม จีทีเอฟ (Chromium GTF)” ไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นการใช้
“โครเมี่ยม จีทีเอฟ (Chromium GTF)” โดยตรงจะให้ผลที่ดีกว่า เพราะร่างกายดูดซึมนำไปใช้ได้ทันที เกือบ 100% โดยไม่ต้องเปลี่ยนรูป ซึ่ง”โครเมี่ยม จีทีเอฟ (Chromium GTF)” นี้มีความปลอดภัยสูงมาก รับประทานครั้งละ 1 กรัม จึงจะเป็นอันตราย คือ รับประทานครั้งละ 16,000 แคปซูล หรือประมาณ 200 ขวดพร้อมกัน ดังนั้น จึงใช้ได้กับทุกคนอย่างปลอดภัย
โครเมี่ยม (Chromium) มีประโยชน์ต่อร่างกาย คือ
ช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุลเหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน และคนอ้วน
ช่วยลดความอยากอาหาร ลดอาการโหย เมื่ออดอาหาร
เพิ่มพลังให้แก่ร่างกาย
ชะลอความแก่ ป้องกันการเสื่อมของอวัยวะ
ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ลดความดันโลหิตสูงและป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
โครเมี่ยม จีทีเอฟ (Chromium GTF) มีอยู่ในวีว่าพลัส และ คาร์โบโทน
และที่สำคัญ คือ อยู่ในรูปของ FoodMatrix
ดูดซึมได้ดีกว่า
คงอยู่ในร่างกายได้ดีกว่า
และมีโปรตีนนำพานำไปใช้ได้ตรงจุด
ข้อมูลเพิ่มเติม
โครเมียม GTFสูตร FOODMATRIX สำหรับผู้มีปัญหาเบาหวาน
VIVA plus (วีว่า พลัส) น้ำองุ่นสกัดเข้มข้น คุณค่าดื่ม 1 ออนซ์=ไวน์แดง 15 ขวด ค่าการต้านอนุมูลอิสระ orac score สูงที่สุดในโลก 244,050 รับรองโดย แล็บ Brunswick หน่วยงานในสังกัดของ คณะแพทย์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด โด่งดังจากคลิป โดมกินวิตามิน ในyoutube
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น